สาวอีก 9 คนทั้ง น.ศ.-นักธุรกิจแห่แจ้งความ-ตร.บุกค้นคอนโดหาหลักฐานคดี ‘ปริญญ์’
ตำรวจยังเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานคดีที่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา โดยตรวจค้นห้องพักในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในสุขุมวิทซอย 3 พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. พร้อมตำรวจ สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน นำหมายค้นศาลเข้าตรวจค้นห้องพักห้องหนึ่งเพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติม หลังมีผู้เสียหายสาวหลายรายอ้างว่าเป็นสถานที่ที่ถูกล่อลวงมาข่มขืนกระทำชำเรา หลังนัดไปทานอาหารที่ร้านอาหารชั้นดาดฟ้าในละแวกเดียวกัน
ที่ สน.ลุมพินี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ นำ น.ส.จี (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ทำธุรกิจส่วนตัว ผู้เสียหายรายที่ 6 แจ้งความกล่าวหาว่าถูกนักการเมืองลวงไปข่มขืนและกระทำอนาจาร
นายษิทรากล่าวว่า ผู้เสียหายรายที่ 6 เป็นเจ้าของคลิปเสียงสนทนาที่เข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้ สำหรับหลักฐานเป็นแผ่นซีดี 3 แผ่น โดยมีแผ่นหนึ่งที่ผู้ก่อเหตุได้ฟังอาจเครียด มีโอกาสที่อาจจะรับไม่ไหวแล้วหนีไป
ต่อมา น.ส.ไก่ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี นักศึกษา ผู้เสียหายรายที่ 7 และ น.ส.เจี๊ยบ (นามสมมุติ) อาชีพธุรกิจส่วนตัว ผู้เสียหายรายที่ 8 เดินทางมาพบนายษิทราที่ สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเช่นกัน
นายษิทรากล่าวว่า น.ส.ไก่ เคยถูกลวนลามเมื่อครั้งเป็นนักศึกษาฝึกงาน ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์ อายุ 17 ปี ผู้ก่อเหตุพูดจาทำนองแทะโลม ลูบขา จึงมาแจ้งความดำเนินคดีในข้อหากระทำอนาจารและพรากผู้เยาว์ ส่วนผู้เสียหายรายที่ 8 ทำอาชีพธุรกิจส่วนตัว เหตุเกิดเมื่อปี 2559 โดยผู้ก่อเหตุใช้มือกระทำอนาจาร
จากนั้นนายษิทราทยอยนำผู้เสียหายรายที่ 9 รายที่ 10 รายที่ 11 รายที่ 12 รายที่ 13 และรายที่ 14 เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี
นายษิทรากล่าวว่า รายที่ 9 เป็นหญิง อายุ 26 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว ถูกผู้ก่อเหตุกระทำการลวนลามเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ที่คอนโดแห่งหนึ่ง โดยผู้ก่อเหตุหลอกว่าจะพาไปรับประทานอาหาร แต่เมื่อไปถึงกลับเป็นห้องคอนโดมิเนียม จากนั้นกระทำอนาจารผู้เสียหาย
นายษิทรากล่าวว่า ส่วนรายที่ 10 เริ่มจากหลังงานบรรยายของผู้ก่อเหตุ ได้ให้รายชื่อติดต่อและบอกว่ายินดีให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ สนใจทำธุรกิจจึงติดต่อไป เมื่อเดินทางไปถึงห้องทำงานที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุพยายามเชิญชวนให้ดื่มแอลกอฮอล์ และบังคับให้ดื่มต่อจนหมดแก้ว จากนั้นจึงเริ่มถูกจับมือ จับแขน และถูกข่มขืน เหตุเกิดปี 2559
นายษิทรากล่าวว่า ส่วนรายที่ 11 เหตุเกิดปี 2557 โดยถูกล่อลวงไปที่พัก โดยผู้ก่อเหตุชายอ้างว่าเป็นสำนักงาน เมื่อไปถึงจึงพบว่าเป็นห้องนอน โดยผู้ก่อเหตุได้ปิดประตูห้องและข่มขืน ส่วนรายที่ 12 ผู้เสียหายรู้จักกับผู้ก่อเหตุในงานสัมมนาขณะเป็นนักศึกษา ต่อมาพบกันบนรถไฟฟ้า ผู้ก่อเหตุได้ขอไลน์ผู้เสียหายไว้ ต่อมาปี 2560 ผู้เสียหายพบกับผู้ก่อเหตุที่ประเทศอังกฤษ ชักชวนไปทานอาหารและนำไวน์ให้ดื่มเพียงไม่กี่แก้ว จากนั้นถูกลวนลาม จึงไปแอบในห้องน้ำและรีบหนีกลับบ้านทันที
นายษิทรากล่าวว่า รายที่ 13 อายุ 43 ปี เหตุเกิดเมื่อปี 2550 ทำงานในบริษัทต่างชาติ รู้จักกับผู้ก่อเหตุเพราะทำงานตึกเดียวกัน มีการแลกนามบัตรและโทรศัพท์หากัน ถูกลวนลามจับที่ขา โอบเอว แต่ผู้เสียหายสามารถหลบหนีออกมาได้ และรายที่ 14 อายุ 31 ปี เหตุเกิดเมื่อปี 2558 โดยผู้เสียหายไปสัมภาษณ์งาน และบังเอิญเจอผู้ก่อเหตุ ได้มีการขอข้อมูลสำหรับติดต่อ และไปดื่มแอลกอฮอล์ที่ตึกแห่งหนึ่ง กระทั่งวันที่ 20 กรกฎาคม 2558 ถูกผู้ก่อเหตุล่อลวงไปที่ห้องพักคอนโดมิเนียมแล้วลงมือข่มขืน
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่