สำนักขางสถิติแห่งชาติ (เอ็นบีเอส) ของจีนเผยแพร่รายงานตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาพบว่าเติบโตเพียง 0.4% นับว่าเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี ผลจากมาตรการล็อกดาวน์ควบคุมโควิด-19 และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา
เอ็นบีเอส ระบุว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 เติบโตขึ้นเพียง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1% ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกนั้นจีดีพีเติบโตเพียง 2.5% ต่ำกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 5.5% ขณะที่จีดีพี ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนก็ปรับตัวลดลง 2.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้
นอกจากนี้ รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนมิถุนายนปรับตัวเปิดขึ้น 3.9 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ในเดือนพฤษภาคมปรับขึ้น 0.7% ผลจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19
อย่างไรก็ตามรายงานยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 3.1% หลังจากร่วงลงไป 6.7% เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทิศทางที่นักวิเคราะห์ระบุว่าเป็นสัญญาณบวก ขณะที่อัตราการว่างงานในเขตเมืองนั้นลดลงเหลือ 5.5% ลดลงจาก 5.9% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
โฆษกเอ็นบีเอส ระบุว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นยังคงมีอยู่ ผลจากความต้องการสินค้าที่ลดลงและปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ติดขัด
“ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะชะงักงันนั้นเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับความไม่แน่นอนที่มาจากภายนอกก็เพิ่มสูงขึ้น”
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บางส่วนระบุว่าเศรษฐกิจจีนนั้นกำลังกลับมาสู่เส้นทางที่ค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเติบโตที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์นั้นยังคงน่าเป็ฯห่วง ในช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงกระทบกับความรู้สึกของผู้บริโภคและบรรดาห้างร้านต่างๆ
ทั้งนี้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ของจีนมีขึ้นในช่วงเวลาที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ภาคอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของจีดีพีของประเทศ กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังซบเซาลงด้วย
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่