สินทรัพย์น่าลงทุน ในช่วงสถานการณ์เงินเฟ้อ มีอะไรบ้าง

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

มาทำความรู้จัก สินทรัพย์น่าลงทุน ในช่วงสถานการณ์เงินเฟ้อใน้วลามีหากว่าท่านต้องการจะลงทุนว่ามีอะไรบ้าง และความเสี่ยงของสินทรัพย์รวมไปจนถึงผลตอบแทนของแต่ละตัว ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างและสินทรัพย์แต่ละแบบนั้นเหมาะสมกับใครบ้าง

10 สินทรัพย์น่าลงทุน ที่เหมาะกับสถานการ์เงินเฟ้อ

สินทรัพย์น่าลงทุนก่อนจะไปพบ สินทรัพย์น่าลงทุน เราไปทำความเข้าใจพื้นฐานของ สินทรัพย์ กันก่อนสำหรับสินทรัพย์การเงิน นั้นสามารถแบ่งได้อีกหลายประเภท โดยแต่ละประเภทก็มีผลตอบแทนรวมไปจนถึงความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป  แต่ความเสี่ยงส่วนมากก็มักจะมาจากความผันผวนของผลตอบแทนในสินทรัพย์นั้นๆ สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้ท่านจำไว้เลยคือหากสินทรัพย์ไหนมีผันผวนมากก็มักจะแสดงว่ามีความเสี่ยงที่มากตามมาด้วย แต่ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงมากตามไปด้วยเช่นกัน หรือในทางตรงกันข้าม ถ้าสินทรัพย์ไหนมีความผันผวนน้อยแสดงว่ามีความเสี่ยงน้อยดังนั้นท่านก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำมากเช่นกัน เอาละเราอธิบายพื้นฐานมาพอสมควรละเราไปดู 10 สินทรัพย์น่าลงทุน ที่เหมาะกับสถานการ์เงินเฟ้อกันดักว่า….

  • เงินสดฝากธนาคาร

สินทรัพย์น่าลงทุน

ท่านที่มีเงินสดอยู่ในมือ แต่ยังไม่กล้าลงทุนอะไรมาก การฝากเงินอาจทำให้ท่านมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ แต่การฝากธนาคารเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่คุ้มค่า ด้วยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยประมาณ 3% ต่อปี นั้นก็เพราะค่าของเงินสดที่ท่านฝากไว้ในบัญชีนั้นจะลดน้อยลงไปเองทุกปีๆ จากภาวะเงินเฟ้อนั้นเอง

จุดเด่น 

  1. เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง พร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์อื่นได้ตลอดเวลา
  2. มีความเสี่ยงต่ำมาก
  3. ได้ผลตอบแทนคงที่ในรูปแบบของดอกเบี้ย โดยส่วนใหญ่จะจ่ายปีละ 2 ครั้ง
  4. ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 0.25 – 1.5% ต่อปี
  • เงินฝากดิจิทัล

สินทรัพย์น่าลงทุน

สินทรัพย์น่าลงทุนตัวนี้เป็นเงินฝากที่คล้ายกับเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป แต่จะไม่มีสมุดบัญชีเงินฝากและ ใช้งานผ่าน Application ของธนาคาร ที่มีการให้ผลตอบแทนเฉลี่ย : 1.10 – 2.00 % ต่อปี มาพร้อมรอบการจ่ายดอกเบี้ย : รายเดือน หรือราย 6 เดือน

จุดเด่น 

  1. เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง พร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์อื่นได้ตลอดเวลา
  2. มีความเสี่ยงที่ต่ำมาก
  3. ผลตอบแทนเฉลี่ย : 1. – 2.00 % ต่อปี
  4. ได้ผลตอบแทนคงที่ในรูปแบบของดอกเบี้ย บางธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน บางธนาคารก็จ่ายปีละ 2 ครั้ง

  5. ไม่ต้องการสูญเสียเงินต้น (รัฐบาลประกาศคุ้มครองเงินฝากรายละ 1,000,000 บาท โดยนับ 1 ธนาคาร (รวมทุกบัญชี ) เป็น 1 ราย เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2564)

  • ตราสารหนี้ภาครัฐ หรือ พันธบัตรรัฐบาล

สินทรัพย์น่าลงทุน

สินทรัพย์น่าลงทุนตัวนี้เป็นเอกสารที่ภาครัฐออกเพื่อเป็นหลักฐานว่าเวลานี้รัฐได้กู้ยืมเงินจากนักลงทุนทั่วไป ออกโดยกระทรวงการคลัง หรือหน่วยงานภาครัฐ ออกจำหน่ายเพื่อระดมทุนประชาชนและสถาบันการเงิน ได้แก่ ตั๋วเงินคลัง ตั๋วสัญญาใช้เงิน พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น มีทั้งระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี และระยะยาว 1 ปีขึ้นไป

จุดเด่น 

  1. เป็นเอกสารที่ภาครัฐออกเพื่อเป็นหลักฐานว่าได้กู้ยืมเงินจากท่าน (ภาครัฐเป็นหนี้)
  2. ความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำ
  3. สภาพคล่องต่ำ เพราะมีระยะเวลาการไถ่ถอนนาน เช่น พันธบัตรรัฐบาล 5 ปี, พันธบัตรรัฐบาล 10 ปี
  4. ได้ผลตอบแทนคงที่โดยส่วนใหญ่จะจ่ายปีละ 2 ครั้ง
  5. ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 0.4 – 2.0% ต่อปี 
  • ตราสารหนี้ภาคเอกชน

สินทรัพย์น่าลงทุน

สินทรัพย์น่าลงทุนตัวนี้มีรูปแบบคลายๆกับ ตราสารหนี้ภาครัฐ แต่จะเป็นเอกสารที่ภาคเอกชนออกเพื่อเป็นหลักฐานว่าได้กู้ยืมเงินจากนักลงทุนทั่วไป และจะอยู่ในการควบคุมดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เช่น ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ เป็นต้น มีทั้งแบบระยะสั้น ซึ่งมีอายุไม่เกิน 270 วัน และระยะยาวมีอายุเกิน 270 วันขึ้นไป

จุดเด่น 

  1. มีหลักฐานออกให้ว่าได้กู้ยืมเงินจากนักลงทุนทั่วไป (ภาคเอกชนเป็นหนี้)
  2. ความเสี่ยงไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินของบริษัทผู้กู้ยืม
  3. สภาพคล่องต่ำเพราะมีระยะเวลาการไถ่ถอนหรือครบกำหนดอายุเหมือนกับตราสารหนี้ภาครัฐ
  4. ได้ผลตอบแทนคงที่ในรูปแบบของดอกเบี้ย ปกติจะจ่ายทุกๆ 3 เดือน
  5. ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับระดับความน่าเชื่อถือของบริษัทนั้น หากท่านอยู่ในหุ้นกู้ระดับ Investment Grade หรือเรทติ้ง AAA ไปจนถึง BBB- ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 1.2 – 5.0% ต่อปี ส่วนหุ้นกู้ระดับ Speculative Grade หรือเรทติ้ง BB+ ไปจนถึง D ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่า 5.0% ต่อปี


สินทรัพย์น่าลงทุน

สินทรัพย์น่าลงทุนตัวนี้เป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ซื้อมาเพื่อรอขายทำกำไร ให้เช่า รีโนเวทเพื่อขายทำกำไร และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยสินทรัพย์นี้จะมีมูลค่าขึ้นในทุกๆ ปี ตามอัตราความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ที่มีคนย้ายเข้ามาทำงานมาก บางคนจึงซื้อบ้านมือสองเก็บไว้เผื่อทำกำไรระยะยาวซึ่งสามารถทำกำไรได้สูงถึง 1 – 3 เท่าตัวของราคาปัจจุบัน ตามแต่ความต้องการของพื้นที่

จุดเด่น 

  1. ผลตอบแทนเฉลี่ย : 2.00 – 5.00 % ต่อปี
  2. รูปแบบผลตอบแทนที่หลากหลาย เช่น ค่าเช่า ส่วนต่างราคา และเงินปันผล (กรณีลงทุนในกองทุน)
  3. สภาพคล่องปานกลางไปจนสูงอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจ
  4. ความเสี่ยงปานกลางไปจนสูงอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจ
  • ทองคำ

สินทรัพย์น่าลงทุน

สินทรัพย์น่าลงทุนตัวนี้เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลที่คนนิยมสะสมเพื่อซื้อ-ขายทำกำไร โดยยึดตามราคาทองคำ ส่วนเครื่องประดับบางคนก็สะสมไว้เพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลาน แต่ก็สามารถขายเปลี่ยนเป็นเงินได้ นอกจ่กนี้ทางธนาคารแห่งชาติทั่วโลกก็นิยมใช้ทองคำเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศ ปัจจุบันสามารถลงทุนในทองคำได้หลายรูปแบบ เช่น ทองคำแท่ง ตั๋วสัญญา เป็นต้น

จุดเด่น

  1. สามารถลงทุนในทองคำได้หลายรูปแบบ เช่น ทองคำแท่ง ตั๋วสัญญา เป็นต้น
  2. ความเสี่ยงปานกลาง เพราะมีความผันผวนตามปัจจัยทางเศรษฐกิจโลก
  3. ทองคำเป็นทรัพยากรที่จำกัด ดังนั้นโอกาสที่ราคาสูงขึ้นได้ในระยะยาว
  4. ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
  5. มีสภาพคล่องสูง หาซื้อได้ง่ายและขายได้คล่อง
  6. ให้ผลตอบแทน โดยผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 4 – 5% ต่อปี
  • หุ้น หรือ ตราสารทุน 

สินทรัพย์น่าลงทุน

สินทรัพย์น่าลงทุนตัวนี้เป็นการขายหุ้นของบริษัทเพื่อระดมทุนมาขยายกิจการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่เข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ผลตอบแทนมาจากส่วนต่างราคาหุ้นที่ซื้อหรือจากเงินปันผล อยู่ที่ระยะเวลาในการลงทุน หากลงทุนระยะสั้นก็คือได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาหุ้น ซึ่งไม่อาจการันตีว่าจะได้กำไรเสมอไป เพราะราคาหุ้นมีความเคลื่อนไหวเสมอ แต่ถ้าต้องการลงทุนระยะยาวก็คือผลตอบแทนที่ได้จากเงินปันผล

จุดเด่น

  1. สามารถซื้อขายกันได้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
  2. ราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงทุกวันแบบเรียลไทม์ตามปัจจัยที่แตกต่างกันในเเต่ละวัน
  3. ความเสี่ยงสูง เพราะรหุ้นสามารถขึ้นลงได้ถึง 30% จากราคาเมื่อวาน
  4. สภาพคล่องสูง เพราะท่านสามารถซื้อขายหุ้นได้ตลอดช่วงเวลาทำการ
  5. ผลตอบแทนจะได้รับในรูปแบบของเงินปันผล และส่วนต่างราคาหุ้นประมาณ 8 – 12% ต่อปี
  • Bitcoin หรือ Cryptocurrency

สินทรัพย์น่าลงทุน

สินทรัพย์น่าลงทุนตัวนี้เป็นเงินดิจิทัลที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป เพียงแต่ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญเงินบาท ปัจจุบันได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลก เช่น Bitcoin (BTC) Ethereum (ETH) Solana (SOL) Cardano (ADA) และยังมี Cryptocurrency สัญชาติไทย เช่น JFin (Coin JFIN) Bitkub Coin (KUB) Alpha Finance (ALPHA)

จุดเด่น

  1. สกุลเงินดิจิทัลถือเป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกเรียกว่าคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) และได้รับความนิยมมาก
  2. ความเสี่ยงสูง เพราะมีความผันผวนของราคาก็สูงมาก ราคาสามารถขึ้นลงได้ในระดับหลักสิบ % ภายในไม่กี่วินาที
  3. สภาพคล่องสูง เพราะ Cryptocurrency สามารถถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  4. ผลตอบแทนจะได้รับในรูปแบบของส่วนต่างราคา โดยหากดูผลตอบแทนย้อนหลังแบบ Year To Date  บางปีก็สามารถเติบโตสูงถึง 1,000% แต่บางปีเคยติดลบถึง 70% หรือ -30%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ หรือ Commodities

สินทรัพย์น่าลงทุน

สินทรัพย์น่าลงทุนตัวนี้เป็นสินทรัพย์ที่ตัวสินทรัพย์มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก มีความแตกต่างกันได้เล็กน้อย แต่มีรูปแบบ รูปร่าง และลักษณะแบบเดียวกัน ถึงแม้ผู้ผลิตจะคนละคนกัน และเป็นสินค้าทั่วไปที่ใช้เพื่อค้าขาย หรือใช้เป็นส่วนประกอบของการผลิตสินค้าหรือบริการต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดเงินสด หรืออนุพันธ์ เช่น ฟิวเจอร์ส, ออปชั่น

จุดเด่น

  1. เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่มีตามธรรมชาติและมีจำนวนจำกัดเช่น น้ำมันดิบ ก๊าซ ทองแดง เหล็ก ยางพารา เป็นต้น
  2. สามารถลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ผ่านสัญญาฟิวเจอร์ส ซึ่งจะเป็นสัญญาที่กำหนดวันขนส่งสินค้าไว้ล่วงหน้า และจะถูกขายก่อนที่จะหมดอายุ
  3. ความเสี่ยงสูง เนื่องจากราคาขึ้นอยู่กับอุปสงค์-อุปทานในตลาดเป็นหลัก
  4. ผลตอบแทนจะแตกต่างกันอยู่ที่สินค้าโภคภัณฑ์ เพราะบางปีอาจจะติดลบ แต่บางปีก็อาจจะโตสูงถึง 20-30% ต่อปี
  • Brand Name

สินทรัพย์น่าลงทุน

สินทรัพย์น่าลงทุนตัวนี้เป็นเป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักสะสม แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นการลงทุนทางเลือกที่ได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น คือการซื้อสินค้าแบรนด์เนมมาเก็บสะสม รอจังหวะราคาปรับตัวขึ้นนำมาขายต่อทำกำไร สินค้าที่นิยมลงทุน ได้แก่ นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ

จุดเด่น

  1. การลงทุนแบบนี้ท่านจะต้องชอบหรือมีความรู้เป็นการส่วนตัวเป็นอย่างดีว่ารุ่นไหน ยี่ห้อไหน เป็นที่นิยมของนักสะสมและสามารถทำกำไรได้ในอนาคต
  2. สภาพคล่องปานกลาง เพราะแบรนด์เนมส่วนมากมีมูลค่าที่สูง และเวลาที่จะทำให้ราคาสูงขึ้นอาจจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ไม่อาจคาดเดาได้
  3. ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 5-10% ต่อปีอยู่ที่ความต้องการของ Brand Name นั้นๆ

การลงทุนในสินทรัพย์แต่ละสินทรัพย์ล้วนมีโอกาสทำให้ท่านรวยหรือประสบความสำเร็จได้ โดยสิ่งสำคัญคือควรลงทุนตามความถนัดของท่าน และท่านควรศึกษาว่าสินทรัพย์ตัวไหนที่ท่านสามารถ รับความเสี่ยงได้ที่ระดับไหน สบายใจหรือเข้าใจระดับไหน ก็ลงทุนไปตามกำลังและความเสี่ยงที่ท่านพอจะรับได้ เพราะการลงทุนในสินทรัพย์ ไม่มีถูกผิด นั้นเอง…


ก่อนจากกันบทความนี้ทางเราหวังใจว่าจะทำให้ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเบื้องต้นสำหรับ การลงทุนในสินทรัพย์แต่ละชนิดได้ไม่มากก็น้อย  นอกจากนี้ทางเรามิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด ดังนั้นก่อนท่านจะลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง และก่อนจากท่านไหนที่สนใจสมัครสินเชื่อ ไว้ใช้ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน สามารถเปรียบเทียบสินเชื่อบุคคลได้ที่นี่ สมัครสินเชื่อ

ขอสินเชื่อไม่พลาดทุกเรื่องราวข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ LINE @MoneyGuruThailand

บทความแนะนำ 

  • ธนาคารไทยปรับขึ้นดอกเบี้ย มีผลอะไรกับมนุษย์เงินเดือนบ้าง
  • เริ่มวางแผนภาษี เตรียมตัวก่อนสิ้นปี ต้องเตรียมอะไรบ้าง
  • มาทำความเข้าใจเรื่องค่าเงินบาท พร้อมแนวทางรับมือ


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน