แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ยังได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ทำให้ยอดการซื้อ การขาย และการโอนกรรมสิทธิ์ ชะลอตัวลง แต่ในด้านความมีมูลค่าและความน่าสนใจไม่ได้ลดลง โดยเฉพาะในวันนี้ราคาอสังหาแข่งขันด้านราคาสูง เพื่อเพิ่มแรงดึงดูดการตัดสินใจซื้อให้เร็วขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาอสังหาไทย ถือได้ว่าเนื้อหอมในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ด้วยคุณภาพก่อสร้าง ความหลากหลายในทุกด้าน ทั้งทำเล ดีไซน์ และราคา หากเทียบกับประเทศใกล้เคียงกัน ไทยน่าจะโดดเด่นสุด แม้ไม่ได้ซื้อเพื่อพักอาศัยเอง แต่ซื้อเพื่อสร้างผลกำไรก็ทำรายได้ดีในระยะยาว
ทำให้บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (อีลีท การ์ด) เห็นช่องทางเปิดตัวบัตร อีลีท เฟล็กซิเบิล วัน (Elite Flexible One) เพิ่มสิทธิประโยชน์รวมกับบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลีท คาร์ด คาดหวังดึงนักลงทุนต่างชาติ ลงทุนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมเข้าอยู่อาศัย กำหนดต้องมีมูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ที่สำคัญคือ ห้ามจำหน่าย จำนอง หรือโอนสิทธิ ภายใน 5 ปี เพื่อช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 ถึง 31 ธันวาคม 2565 โดยรายละเอียดที่ดึงดูดใจเพิ่มเติมคือ บัตรอีลีท เฟล็กซิเบิล วัน จะขายในราคา 5 แสนบาท ผู้ซื้อจะได้รับสิทธิในการได้รับวีซ่าพำนักในไทย 5 ปี อายุสมาชิก 5 ปี
เดิมแนวคิดดังกล่าว เกิดขึ้นมาจากความต้องการในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเพิ่ม ผ่านการขยายสิทธิประโยชน์รองรับกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีคุณภาพและมีกำลังซื้อสูง ในกลุ่มประเทศ อาทิ จีน ฮ่องกง เยอรมัน และญี่ปุ่น ให้เข้ามาลงทุนในบ้านและคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ยังขายไม่ออก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักไป รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่ทรุดตัวลงด้วย ซึ่งโครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ ให้ขายโครงการได้เร็วขึ้น สร้างกระแสเงินสด ทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ด้วยดี รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องด้วย
การออกบัตรอีลีทการ์ดให้กับต่างชาติ ที่ต้องการซื้อเพื่อเป็นสมาชิกนั้น ขั้นตอนการตรวจสอบ จะประสานกระทรวงการคลัง ตำรวจสากล หรือซีไอเอ เพื่อตรวจสอบประวัติผู้ซื้อบัตรสมาชิกอีลีทการ์ดทั้งหมด ซึ่งจะเป็นส่วนหลักในการป้องกันการหลบหลีกเข้าไทย หรือใช้อีลีทการ์ดเป็นแหล่งฟอกเงิน ทำให้ความกังวลที่ว่า จะมีต่างชาติแฝงตัวเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งหลบเลี่ยงความผิด หรือทำการขัดสีให้เงินเทากลายเป็นขาว ก็จะสามารถตัดออกไปได้ทันที
เรื่องนี้ “รัชดาวรรณ เลิศศิลาทอง” รองผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารและกิจการองค์กร รักษาการแทนผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้เห็นลูกค้าที่เป็นนักลงทุนสัญชาติจีน และชาวจีนที่โอนสัญชาติมาเป็นคนในประเทศเพื่อนบ้านของไทย อาทิ กัมพูชา เมียนมา แสดงความสนใจซื้อบัตรประเภทนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องการเป็นเจ้าของอสังหาในไทย แม้ยังติดที่ช่วงนี้รัฐบาลจีนยังไม่แสดงความชัดเจนในการเปิดประเทศ และใช้มาตรการซีโร่โควิดอยู่ ทำให้พลเมืองจีนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อมาติดต่อธุรกิจ หรือสำรวจคอนโดมิเนียมของจริงในไทยได้ จึงอยู่ระหว่างการรอตัดสินใจ
ปัจจุบันมีลูกค้าบัตรอีลีทการ์ด จำนวน 5 ราย ที่ซื้อบัตรสมาชิกพิเศษ อีลีท เฟล็กซิเบิล วัน ในราคาบัตรละ 5 แสนบาท ซึ่งได้ชำระค่าอสังหาริมทรัพย์ผ่านวิธีการโอนเงินจากต่างประเทศเข้ามา รวมมูลค่ากว่า 91.05 ล้านบาท โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นสัญชาติจีน ทำการซื้อคอนโดมิเนียมจาก 4 บริษัทอสังหา ได้แก่ แสนสิริ ไซมิส แอสเสท อนันดา ดีเวลล็อปเมนต์ และแลนด์มาร์ก โฮลดิ้ง ซึ่ง 1 ใน 5 ราย ที่โอนเงินเข้ามาแล้ว ได้เลือกซื้อคอนโดมิเนียม มูลค่าสูงกว่า 30 ล้านบาทเรียบร้อย
ขณะนี้มีบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการ 28 ราย รวมกว่า 85 โครงการ โดยชาวต่างชาติที่สมัครบัตรประเภทนี้ ต้องแสดงหลักฐานเป็นหนังสือยืนยันกรรมสิทธิ์การถือครองอสังหา ในนามของผู้สมัคร ที่มีมูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท และห้ามจำนอง จำหน่าย โอน ภายในระยะเวลา 5 ปี และชำระค่าบัตรสมาชิกในราคาบัตรละ 5 แสนบาท โดยสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับประกอบด้วย วีซ่าเข้าประเทศไทย 5 ปี มีอายุสมาชิก 5 ปี ไม่สามารถโอนสมาชิกให้บุคคลอื่นได้ ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี สามารถอัพเกรด เป็นบัตรสมาชิกประเภทบุคคล ได้ภายใน 2 ปี ผ่านการชำระเงินส่วนต่างเพิ่มเติม
มาฟังมุมมอง “เจิดพันธุ์ นิธยายน” กรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ปี 2565 เราคาดว่าภาคการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยนำการเติบโต โดยปรับการคาดการณ์รายได้ของภาคการท่องเที่ยวในประเทศและอุตสาหกรรมบริการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมองว่ากระแสนี้จะแข็งแกร่งขึ้นจากหลังจากที่มีการยกเลิกการบังคับตรวจ RT-PCR และการกักตัวของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว จำนวนเที่ยวบินต่างประเทศในสนามต่างๆ ของไทยได้ปรับขึ้นจากต่ำกว่า 4,000 เที่ยวในเดือนมิถุนายน 2563 มาเป็นประมาณ 10,000 เที่ยว เมื่อเดือนมีนาคม 2564 และทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2565 ทำให้ตอนนี้เห็นโอกาสที่มาพร้อมการเปิดประเทศอีกครั้งแล้ว
อย่างคน “พีระพงศ์ จรูญเอก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัท ได้นำคอนโดระดับไฮเอนด์ ราคาตั้งแต่ 5-10 ล้านบาทนั้น เข้าร่วมโครงการกับบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด นำโครงการคอนโดพร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ อาทิ พาร์ค ออริจิ้น, ไนท์บริดจ์, ดิ ออริจิ้น รวม 14 โครงการ เพื่อรองรับนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีคุณภาพและมีกำลังซื้อสูง โดยนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ 14 โครงการดังกล่าว มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท จะได้รับสิทธิพิจารณาเป็นสมาชิกบัตรไทยแลนด์ อีลีท รับสิทธิประโยชน์ อาทิ วีซ่าเข้าออกไทย 5 ปี พร้อมเอกสิทธิ์และเงื่อนไขอื่นๆ ตามที่กำหนด โดยคอนโดที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ มีทำเลอยู่กลางเมืองโซนสุขุมวิทที่ต่างชาตินิยม ซึ่งการเข้าร่วมอีลีท ดีกว่าซื้อการ์ดมาทำเอง เพราะได้ราคาโปรโมชั่นมาช่วย ด้วยการลดราคาค่าแอพพลายอีลีทการ์ด หรืออาจจะไม่เก็บในบางเซ็กเมนต์ที่จำนวนปีน้อย โดยเงื่อนไขระบุว่า มูลค่า 10 ล้านบาท ได้ 5 ปี วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าชาวต่างชาติ สนใจซื้ออสังหาได้อีกทางหนึ่ง
ตบท้าย “ชนินทร์ วานิชวงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหา ระดับพรีเมียมเพื่อการลงทุน ระบุว่า โครงการ อีลีท เฟล็กซิเบิลวัน เป็นการช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหา ภาพรวมในช่วงที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว และเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการที่เน้นขายนักลงทุนและเจาะลูกค้าต่างชาติ เนื่องจากตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ภาคอสังหาไทย ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ทำให้ลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติหายไป โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ทำให้สภาพคล่องหดตัว ส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
อีกกลุ่มธุรกิจที่น่าจับตามองในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ จะใช้ช่องโอกาสของการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้แค่ไหน !!
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่