แสนสิริโชว์ผลงานครึ่งปีแรกกวาดยอดขายทะลุ 18,300 ล้านบาท
แสนสิริ ตอกย้ำความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาฯ ภายใต้ “STEP BEYOND” เติบโตยั่งยืนทุกมิติ ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร PROFIT – PEOPLE – PLANET ดัน PROFIT แกร่ง – โชว์ผลงานรอบ 6 เดือนปี 65 ครึ่งปีแรกกวาดยอดขายทะลุ 18,300 ล้านบาท คิดเป็น 52% จากเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาท ไตรมาส 2 โกยยอดขายทะลัก 11,100 ล้านบาท โตขึ้น 54% จากไตรมาสแรกที่มียอดขาย 7,200 ล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ (SIRI) เปิดเผยว่า ความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหา ของแสนสิริ จากการเดินหน้าภายใต้วิสัยทัศน์ “STEP BEYOND” เติบโตแข็งแกร่งยั่งยืนในทุกมิติ ภายใต้ ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร PROFIT – PEOPLE – PLANET ส่งผลให้แสนสิริมีผลงานด้าน PROFIT ที่แข็งแกร่ง โดยในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทสร้างยอดขายรวมไปได้ถึง 18,300 ล้านบาท คิดเป็น 52% จากเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวรวม 15 โครงการ มูลค่ารวม 18,800 ล้านบาท ยอดขายหลักมาจากโครงการแนวราบถึง 12,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% จากยอดขายรวม 6 เดือน ประสบความสำเร็จจากการ Sold Out 6 โครงการ บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และมียอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 5,600 ล้านบาท โดยผลงานในไตรมาสที่ 2 บริษัทมียอดขายสูงถึง 11,100 ล้านบาท โตขึ้น 54% จากไตรมาสแรกที่มียอดขาย 7,200 ล้านบาท นอกจากนี้แสนสิริยังมีผลงานยอดโอนในครึ่งปีแรก 14,000 ล้านบาท คิดเป็น 40% จากเป้าหมายยอดโอน 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 65 : 35 ทั้งนี้ แสนสิริยังมี Backlog หรือสินค้ารอโอนในมือในปีนี้แล้วถึง 10,500 ล้านบาท ดังนั้นจึงเหลือยอดโอนที่ต้องทำผลงานใหม่อีกเพียง 10,500 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดโอนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ แสนสิริยังดำเนินธุรกิจภายใต้ “YOU-centric” ที่มี “คุณ” ทุกคนเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนที่สำคัญของแสนสิริ ทั้ง พนักงาน ลูกค้า และสังคม ด้วยการเปิดตัวแคมเปญใหญ่แห่งปี “YOU Are Made For Life” “คุณ” ทุกคนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาโครงการและบริการของแสนสิริ อาทิ พนักงานแสนสิริ จึงเป็นที่มาให้เกิดความร่วมมือ ระหว่าง แสนสิริ ผู้นำวงการแบรนด์อสังหา ไทย จับมือกับ ‘VVON SUGUNNASIL’ แบรนด์สูทเทเลอร์เมดและ Ready-to-Wear ชั้นนำ ร่วมออกแบบ “YOUniform” ชุดยูนิฟอร์มใหม่ของพนักงานขายแสนสิริ รวมถึง “ลูกค้า” ที่เป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางการขับเคลื่อนที่สำคัญของแสนสิริ ครั้งแรก! กับความร่วมมือของ 2 ยักษ์ใหญ่ข้ามวงการ แสนสิริ-ขายหัวเราะ ในการเปิดตัวบิ๊กแคมเปญของปี “บ้านนี้ ฮะ ฮะ ฮ่า” สร้างปรากฏการณ์มอบเสียงหัวเราะ สานต่อภารกิจช่วยคนไทยมีบ้านง่ายขึ้น และส่วนที่สำคัญคือ “สังคม”เป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนที่สำคัญของแสนสิริ ครั้งแรก! ของ 3 องค์กรต้นแบบความเท่าเทียม ที่จับมือกันสานต่อแคมเปญ “Live Equally เราเท่ากัน ฉันเท่าเธอ” ภายใต้การสนับสนุนของ UNDP ปีที่ 3 ร่วมประกาศจุดยืนสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลาย ผลักดันสร้างบรรทัดฐานใหม่ทั้งในองค์กรและสังคมไทยร่วมกัน และการประกาศพันธกิจใหญ่ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” พลิกการเปลี่ยนแปลงประเทศ เด็กหลุดระบบการศึกษาต้องเป็น “ศูนย์” ขณะที่ในด้าน PLANET แสนสิริได้เดินหน้าพันธกิจ Net-Zero โดยประกาศเป้าหมายปี 65 บ้านเดี่ยวแสนสิริทุกหลัง พื้นที่ส่วนกลาง ในทุกโครงการใหม่ติด Solar Roof 100% โครงการบ้านเดี่ยวระดับบนทุกโครงการใหม่ติด EV Charger เต็ม 100% มุ่งมั่นสู่การเป็นอสังหาฯไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น “ศูนย์” รวมทั้งล่าสุดแสนสิริยังประกาศพันธกิจ ‘Sansiri Tree Story’ ปลูกต้นไม้เพื่อกรุงเทพ ภายใต้จุดยืนในการเก็บ – เลือก – ปลูก – รักษา เพื่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไปควบคู่กับสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น รวมถึงคุณภาพชีวิตของคนและสังคมที่ต้องดีขึ้นด้วย
การพัฒนาธุรกิจในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้แสนสิริมองเห็นถึงดีมานต์ที่อยู่อาศัยที่ตลาดต้องการและทิศทางตลาดอสังหา ในอนาคต ทั้งนี้ จากการมองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวไวรองรับทุกสถานการณ์ หรือ Speed to Market ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลัก ที่ทำให้แสนสิริแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์โควิด รวมทั้งเป็นจุดแข็งของแสนสิริ ในครึ่งปีหลังต่อจากนี้แสนสิริจึงยังคงก้าวเร็วนำหน้าคู่แข่ง ด้วย “Speed to Market #2” ซึ่งประกอบด้วย แผนธุรกิจในครึ่งปีหลังเปิดตัวรวม 31 โครงการ มูลค่ารวม 31,200 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่เป้าหมายยอดขายและยอดโอนโครงการในปีนี้ที่ 35,000 ล้านบาท รวมทั้งแข็งแกร่งระยะยาว 3 ปี เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 150,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายรวม 120,000 ล้านบาท
นอกจากแผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ที่แสนสิริจะแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ Speed to Market#2 มองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวไวรองรับทุกสถานการณ์ รับตลาดอสังหา ฟื้นและดีมานต์ลูกค้าต่างชาติ ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ และไฮไลท์การเปิดตัวโปรดักส์ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบภายใต้แบรนด์ที่ครอบคลุมรองรับแล้ว แสนสิริยังยืนหนึ่งความเป็นผู้นำตัวจริงด้านการอยู่อาศัย ครองแชมป์แบรนด์อสังหา อันดับ 1 ในใจลูกค้า และแบรนด์อันดับ 1 ของคนอยากมีบ้าน ที่พร้อมย้ำภาพความแข็งแกร่งใน 4 ด้านของแสนสิริ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป ประกอบด้วย
แสนสิริ มีชื่อเสียงในฐานะ มือหนึ่งนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ของประเทศ โดยตอกย้ำแท่นผู้นำตลาดลักซ์ชัวรี่มากว่า 38 ปี พิสูจน์จากประสบการณ์ที่สั่งสมและชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อส่งมอบรสนิยมการอยู่อาศัยอันที่เป็นที่สุดในทุกยุค ไม่ว่าจะเป็น 98 Wireless, บ้านแสนสิริ พัฒนาการ, เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, KHUN by YOO inspired by Stark และ บูก้าน โยธินพัฒนา ในครึ่งปีหลังนี้ แสนสิริยังได้เตรียมเปิดตัว แบรนด์ “NARASIRI” (นาราสิริ) บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ 2 โครงการใหม่ “นาราสิริ พหลฯ – วัชรพล” และ “นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา” บนโลเคชั่นที่ดีที่สุดของ “กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้” นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา จะเป็นแฟล็กชิพโครงการจากแสนสิริในปีนี้ที่นำเสนอเรื่องราวของแบรนด์นาราสิริอีกครั้งในรอบ 10 ปี กับคอนเซ็ปท์ “A Matter of Refinement งดงามในรายละเอียด กับโครงการ Rare item ใน Sansiri Luxury Collection เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้ โดยล่าสุด จากความเชื่อมั่นในการพัฒนาโครงการระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ของแสนสิริ ยังส่งผลให้ นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา มียอดขายล่วงหน้าแล้วกว่า 50% มูลค่ารวมกว่า 3,500 ล้านบาท หลังเปิดขายแบบไม่เห็นโครงการจริงในไม่ถึง 1 เดือน จากกระแสเรียกร้องของลูกค้า ที่ต่างรอคอยในรอบ 10 ปี ทำให้โครงการระดับราคา 50-95 ล้านบาท มียอดขายภายในเวลารวดเร็ว
นอกจากนี้ แสนสิริยังตอกย้ำความเป็นผู้นำการพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับบน ด้วยแบรนด์บ้านเดี่ยว เศรษฐสิริ – บุราสิริ ระดับราคา 8 – 20 ล้านบาท ที่มียอดขายล่าสุดถึง 4,800 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลัง แสนสิริได้เตรียมเปิดตัว “เศรษฐสิริ ดอนเมือง” พื้นที่ 79 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,300 ล้านบาท และเปิดตัว “บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา” พื้นที่ 85 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท ในทำเลกรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้ ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญของแสนสิริ โตคิว กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ความสนใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกัน จากการมองเห็นศักยภาพของทำเลกรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้ ที่นับเป็นคอมมูนิตี้การอยู่อาศัยระดับเรสซิเดนซ์เชียลของกรุงเทพฯ โซนตะวันออก รวมถึงการเปิดตัว บูก้าน กรุงเทพกรีฑา บนพื้นที่ 19 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้อีกด้วย
แสนสิริตอกย้ำความสำเร็จในการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์ “เดอะ เบส” ที่ปิดการขายมาแล้วถึง 18 โครงการ มูลค่ารวม 33,000 ล้านบาท ล่าสุดในครึ่งปีหลังนี้ แสนสิริยังได้เตรียมเปิดขาย “เดอะ เบส ริเวอร์วิว” ท่ามกลางบรรยากาศคลาสสิค ใจกลางย่านเจริญนคร เพียง 5 นาที ถึงไอคอนสยาม และเพียง 400 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS สถานีคลองสาน เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองย่าน CBD สีลมและสาทรได้สะดวก โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 4 เดือนพฤศจิกายนน
นอกจากนี้ยังตอกย้ำความสำเร็จในการพัฒนาโครงการแฟลกชิปคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดทั้งในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ Condominium First Design-branded Residence,คอนโดมิเนียมใน Sansiri Luxury Collection รวมถึงไลฟ์สไตล์ คอนโดมิเนียมมาแล้ว ล่าสุดแสนสิริยังประสบความสำเร็จในการพัฒนา Affordable Condominium ที่สามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้า เห็นได้จากความสำเร็จในการ Sold Out ปิดการขายอย่างรวดเร็วในคอนโดมิเนียมแบรนด์ THE MUVE (เดอะ มูฟ) และ condo me (คอนโด มี) ในปีที่ผ่านมา ในครึ่งปีหลังนี้ แสนสิริยังได้ตอกย้ำความสำเร็จของการพัฒนาAffordable Condomium โดยเตรียมเปิด condo me อีก 4 โครงการ 4 ทำเล โดยล่าสุดโกยยอดขายจากการเปิดพรีเซลล์คอนโด มี 3 โครงการใหม่พร้อมกัน เจาะ 3 ทำเลไข่แดงใจกลางชุมชน-แหล่งงาน ในช่วงเสาร์ – อาทิตย์ ที่ผ่านมา มียอดขายรวมกว่า 500 ล้านบาท จากกลุ่มลูกค้า Real Demand ที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง โดย คอนโด มี บางนา-บางบ่อ Sold out! ทันที คอนโด มี อ่อนนุช-พระราม 9 โกยยอดขายไปถึง 90% และคอนโด มี นวนคร เฟสใหม่ กระแสตอบรับดี
แสนสิริยังเป็นผู้นำคอนโดมิเนียม ในการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพให้กับลูกค้าตรงตามกำหนดส่งมอบตลอดมา โดยในปีนี้ยังได้วางแผนโอนอีก 4 คอนโดมิเนียมใหม่ ได้แก่ คอนโด มี นวนคร เฟส2, เดอะ เบส เพชรบุรีทองหล่อ, XT พญาไท ที่เตรียมโอนในเดือนตุลาคม และเดอะ มูฟ เกษตร ที่เตรียมโอนในเดือนธันวาคมนเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายยอดโอน 12,000 ล้านบาท ตามที่วางไว้