'กานดาฯ' ชี้บ้านจ่อปรับราคา ลดโปรโมชั่น รับต้นทุนแพง-ดอกเบี้ยขาขึ้น

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

‘กานดาฯ’ ชี้บ้านจ่อปรับราคา ลดโปรโมชั่น รับต้นทุนแพง-ดอกเบี้ยขาขึ้น

วันที่ 28 มิถุนายน นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางราคาบ้านในปี 2565 ว่ามีหลายตัวแปรที่กระทบต้นทุนบ้านทั้งเงินเฟ้อ น้ำมัน ราคาวัสดุก่อสร้างและดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีแนวโน้มจะปรับขึ้น จะทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับราคาบ้านขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังหรือต้นปี 2566 เนื่องจากหากขึ้นราคาในช่วงนี้อาจจะกระทบกำลังซื้อ ทางผู้ประกอบการคงต้องเลือกใช้วิธีการลดกำไร เช่น เดิมเคยมีกำไร 20% จะเหลือ 10% กว่าๆ หรือลดขนาดพื้นที่และลดโปรโมชั่นลง

“ด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น มีหลายบริษัทหันมาบุกตลาดทาวน์เฮาส์มากขึ้น เพราะกำลังซื้อ 3 ล้านบาท เป็นตลาดแมส จากเมื่อก่อนเคยซื้อบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝดได้ ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ผมพูดมา 5 ปีแล้วว่าทำเลชานเมืองจะไม่เห็นทาวน์เฮาส์ราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท เพราะจะถูกแทนที่ด้วยคอนโดมิเนียม และในวันนี้จะไม่เห็นทาวน์เฮาส์ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทเช่นกัน เพราะราคาขายถูกปรับขึ้นตามต้นทุนเป็น 3 ล้านบาทแล้ว” นายอิสระกล่าว

นายหัสกร บุญยัง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ผลจากอัตราดอกเบี้ยที่เป็นช่วงขาขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ลดการจัดโปรโมชั่นและของแถมต่างๆ เพื่อนำงบส่วนนี้มาช่วยลูกค้าผ่อนบ้าน ซึ่งในส่วนของบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน

นายหัสกรกล่าวว่า สำหรับในปี 2565 บริษัทมีโครงการใหม่และอยู่ระหว่างขายรวม 17 โครงการ มูลค่า 13,000 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด โดยในครึ่งปีหลังมีเปิดโครงการแนวราบ 6 โครงการใหม่ มูลค่า 4,700 ล้านบาท แบรนด์ “โอลิฟ” มีทั้งเปิดในทำเลเดิม เช่น ไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2 เริ่มต้น 2-10 ล้านบาท, ไอลีฟ พราวด์ วงแหวน-รังสิต คลอง 4 เริ่มต้น 1.95-8 ล้านบาท และขยายไปในทำเลใหม่ ได้แก่ ไอลีฟ ไพร์ม รามอินทรา-คู้บอน และไอลีฟ ไพร์ม พัทยา-จอมเทียน จ.ชลบุรี

“ปี’65 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,300 ล้านบาท และเป้ารายได้ 2,500 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายตามเป้าอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 1,000 ล้านบาท ในครึ่งปีหลัง คาดว่ายอดขายจะเป็นตามเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ในส่วนของยอดรับรู้รายได้คาดว่าจะทำได้ 2,200 ล้านบาท ตกจากเป้าเล็กน้อย เพราะมีความล่าช้าปรับรูปแบบบ้าน ส่วนปี’66 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,700 ล้านบาท” นายหัสกรกล่าว

นายหัสกรกล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินรอพัฒนาประมาณ 500 ไร่ สำหรับพัฒนา 8-10 โครงการ เช่น จ.ภูเก็ต 2 แปลง ติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล เนื้อที่ 7 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น อีกแปลงอยู่แถวมาดูบัว เนื้อที่ 25 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสเกี่ยวกับเวลธ์เนส, ถนนกัลปพฤกษ์ ตรงข้ามโฮมโปร เนื้อที่ 3 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมและย่านสะพานพระราม 7

QR Code LINE @Matichon

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก

Line @Matichon ได้ที่นี่

LINE @Matichon


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน