“ชินวะฯ” เจาะตลาดบ้านหรูเจาะเศรษฐี เปิดตัว “เมอิ อเวนิว ศรีนครินทร์” ราคาเริ่มต้น 39.8 ล้าน

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

“ชินวะฯ” เจาะตลาดบ้านหรูเจาะเศรษฐี เปิดตัว “เมอิ อเวนิว ศรีนครินทร์” ราคาเริ่มต้น 39.8 ล้าน

นายวิชัย จุฬาโอฬารกุล กรรมการบริหารบริษัท ชินวะ เรียล เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด ในเครือชินวะ กรุ๊ป จากโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ในปี 2565 นี้ ภาพโดยรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติต่างๆหลายด้าน ทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกประเทศ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยเราจะเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวตามการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น แต่วิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อ “รายได้”และการ “จ้างงาน” ที่ลดลงประกอบกับยังเผชิญกับผลกระทบที่เกี่ยวเนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ลามไปถึงมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกที่มีต่อรัสเซียนั้นกำลังส่งผลให้เกิดราคาสินค้าและบริการ รวมถึงต้นทุนด้านพลังงานที่ขยับเพิ่มสูงขึ้น

“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหรือที่เห็นอยู่ตอนนี้ได้สร้างความอึมครึมให้กับเศรษฐกิจ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราเองก็ต้องเดินไปข้างหน้า เพียงแต่เป็นการก้าวที่ต้องระวังและรอบคอบ”นายวิชัยกล่าว

นายวิชัย กล่าวต่อว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมทั้งของประเทศไทยและเศรษฐกิจโลกจะเจอแรงกดดัน แต่บริษัทก็ยังมีแผนลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง ตามนโยบายบริษัทแม่ “ชินวะ กรุ๊ป” เข้ามาลงทุนในไทยตั้งแต่ ปี 2560 เริ่มจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม รูเนะสุ ทองหล่อ 5 เนื่องจาก ตลาดคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางเมือง ยังมีจำนวนหน่วยเหลือขายในตลาดเป็นจำนวนมาก ทางบริษัทจึงมีการปรับแผนหันมาเจาะตลาดบ้านแนวราบระดับลักช์ชัวรี่ โดยล่าสุดนำร่องพัฒนา โครงการ “เมอิ อเวนิว ศรีนครินทร์ (ME~I Avenue Srinakarin)” บ้านหรูสไตล์ Japanese Modern ชูจุดเด่น “อินโนเวชั่น” ผสานศาสตร์ “ฮวงจุ้ย” วิชาเต๋า-เหมาซานทุกหลัง เจาะเศรษฐีกลุ่มนิชมาร์เก็ตระดับไฮเอนด์ ในราคาเริ่มต้น 39.8 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่บริษัทลงทุนเอง 100% ตั้งอยู่บนเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ติดห้างพาราไดซ์ ปาร์ค ซึ่งเดิมมีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมขนาด 100 ยูนิต เจาะกลุ่มวัยเพิ่งเริ่มทำงาน แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยประกอบกับกลุ่มคนที่อยู่อาศัยในทำเลดังกล่าวมีฐานะดี มีรายได้สูง และมีทั้งกลุ่มเจ้าของธุรกิจที่แต่งงานแยกครอบครัวใหม่ แต่ต้องการอาศัยใกล้ครอบครัวเดิม ทั้งนี้ด้วยสภาพตลาดที่ยังไม่เอื้อต่อการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัทจึงได้นำที่ดินแปลงดังกล่าว ปรับเป็นที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ จำนวน 5 หลังสูง 4 ชั้นรวมดาดฟ้า ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 46.4-49.6 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 531-524 ตร.ม. 4-5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน ราคา 39.8-48.8 ล้านบาทสามารถแบ่งโซนทำงานและอยู่อาศัย ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มเจ้าของธุรกิจ และครอบครัวขยาย มีมูลค่าการขาย 250 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะปิดการขายได้หมดภายในสิ้นปี 2565

นายวิชัยกล่าวอีกว่าหากการพัฒนาโครงการเมอิ อเวนิว ศรีนครินทร์ ประสบความสำเร็จ โมเดลธุรกิจต่อไปของ ชินวะ เรียล เอสเตท (ไทยแลนด์) จะเน้นการพัฒนาโครงการบ้านระดับไฮเอนด์ในพื้นที่รอบๆใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นย่านที่เป็นที่รู้จักของญี่ปุ่น เช่น สุขุมวิท พร้อมทั้งขยายไปในทำเลต่างจังหวัด อาทิ ตามหัวเมืองท่องเที่ยว อาทิ ศรีราชา จ.ชลบุรี ภูเก็ต และ เขาใหญ่ ในรูปแบบของพลูวิลล่าสไตล์ญี่ปุ่นและวิลล่าหรู โดยปัจจุบันบริษัทมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการอยู่ 4-5 แปลง ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าสร้างยอดขายและรายได้รวม 500 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี หลังสถานการณ์โควิด เริ่มคลี่คลายสิ้นปีนี้ บริษัทจะนำห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียม “รูเนะสุ”ทองหล่อซอย 5 มูลค่า 1,200ล้านบาท จำนวน 156 ยูนิต มาขายใหม่ หลังจากลูกค้าชาวจีนกลุ่มหนึ่งซึ่งจองห้องชุดและจ่ายค่ามัดจำแล้ว 20% แต่ไม่สามารถเดินทางมาโอนกรรมสิทธิ์ได้ คิดเป็นประมาณ 30% ของจำนวนห้องชุดทั้งหมด หรือเป็นมูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ นำห้องชุดดังกล่าว ออกมาขายในราคาเดิมหลังเปิดพรีเซล หรือประมาณ 240,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งคาดว่าสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในกลางปี 2566

QR Code LINE @Matichon

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก

Line @Matichon ได้ที่นี่

LINE @Matichon


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน