ช่วยเหลือเหยื่อ ถูกสาวประเภทสองคลั่งลัทธิจับขังคอนโดฯ

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

เช้านี้ที่หมอชิต – มีมิจฉาชีพที่ใช้กลลวงความเป็นหมอดู ไปหลอกชี้นำให้เหยื่อหลงเชื่อเหมือนเจ้าลัทธิ ชักชวนเซ็นสัญญาออกเงินทุน 140 ล้านบาท อ้างว่าใช้ทำธุรกิจเสริมความงาม จากนั้นก็อ้างสารพัดเหตุผลให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นหนี้ บังคับทำงานชดใช้เงินคืน หากไม่ทำก็จะถูกทำร้ายต่าง ๆ นานา จนต้องแอบขอความช่วยเหลือ

เป็นภาพขณะที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำหมายศาลบุกไปตรวจค้นห้องพัก ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ หลังได้รับข้อความขอความช่วยเหลือที่ส่งต่อผ่านทางญาติผู้เสียหายว่า ถูกมิจฉาชีพหลอกมากักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับให้ทำงาน จากการตรวจสอบพบผู้เสียหาย 5 คน เป็นอดีตพยาบาล 3 คน ซึ่งมี 2 คน มีบาดแผลจากการถูกน้ำร้อนลวกชัดเจน ส่วนอีก 2 คน อายุ 6 ขวบ และ 10 ขวบ เป็นลูกของอดีตพยาบาล มีรอยฟกช้ำที่ดวงตา ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน เปิดเผยว่า ผู้เสียหายไปรู้จักกับมิจฉาชีพทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง ที่อ้างตัวเป็นลูกครึ่งไทยเกาหลี มีธุรกิจเสริมความงาม และขายอาหารเสริม เข้ามาตีสนิทและชักชวนลงทุน ระหว่างนั้นหนึ่งในผู้เสียหายมีปัญหาทะเลาะกับทางบ้าน มิจฉาชีพทั้งสองคนก็ออกอุบายชักชวนไปอยู่ด้วยกัน สาบานเป็นพี่น้องกัน และให้ผู้เสียหายเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เป็นชื่อเดียวกัน เปลี่ยนชื่อเล่นไปใช้ชื่อตามอัญมณี อ้างว่าเพื่อเสริมดวงชะตา ใช้การดูดวงชี้นำผู้เสียหายคล้ายลัทธิ แล้วชวนให้ลงทุนในธุรกิจขายอาหารเสริม หลอกว่าจะออกเงินทุนให้ก่อน 140 ล้านบาท ก่อนจะอ้างสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ขาดทุน บังคับให้ทั้งหมดช่วยกันทำงานขายอาหารเสริมเพื่อหาเงินใช้หนี้ โดยมีเป้าหมายต้องหาเงินให้ได้วันละ 60,000 บาท หากหาเงินไม่ได้ก็จะทำร้ายร่างกาย จนระยะหลัง ๆ เริ่มข่มขู่ให้ทำร้ายเด็กทั้งสองคนแทน จนผู้เสียหายทนไม่ไหวตัดสินใจส่งข้อความพร้อมรูปถ่ายไปขอความช่วยเหลือกับญาติ

ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบว่าตลอด 3 ปี ที่ถูกหลอกให้มาทำงาน ผู้เสียหายได้ขายทรัพย์ต่าง ๆ ที่มี เช่น บ้าน, ที่ดิน, ที่นา, คอนโดมิเนียม และทรัพย์สินต่าง ๆ รวมความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้หนี้ที่ถูกหลอก ทั้งนี้ ตำรวจได้ควบคุมตัวมิจฉาชีพทั้ง 2 คนได้แล้ว คือ นายฮารุ อายุ 39 ปี และ นายตรีเพชรรัตน อายุ 20 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล ประกอบการดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ

จากการสอบปากคำและตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ทราบว่าไม่ได้เป็นชาวเกาหลีแต่อย่างใด โดยทั้งคู่ยอมรับร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย และใช้กลอุบายแอบอ้างว่าเป็นนักลงทุนจากประเทศเกาหลี เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเท่านั้น โดยหลังจากนี้จะควบคุมตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล ดำเนินคดีต่อไป


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน