เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 8 เมษายน ที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภาค 3 พร้อม พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 ,พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.สส.ภ.3 หัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมตำรวจภูธรภาค 3 และเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนฯ ร่วมแถลงผลจับกุมขบวนการหลอกรักออนไลน์ หรือแก๊งโรแมนซ์ สแกม ( Romace Scam) ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ อันเป็นการซ้ำเติมปัญหาความเดือดร้อนระชาชนในช่วงสถานการณ์โควิด -19 ผู้ต้องหา 6 ราย ดังนี้ 1. น.ส.สถาพร เรือนปานันท์ อายุ 35 ปี จับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 462 หมู่ 2 ต.บ้านเพชร อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ2. นายสุทิน พลขันธ์ อายุ 30 ปี จับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 462 หมู่ 2 ต.บ้านเพชร อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ 3.นายศรนรินทร์ อินทะรัตน์ อายุ 39 ปี จับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 117 ม.9 ต.พุกาม อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ 4.นายอาทิตย์ เกตุวิทย์ อายุ 19 ปี จับกุมตัวได้ที่ ถนนภายในหมู่บ้าน ม.3 ต.หนองพังค่า อ.เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี 5.น.ส.สมาน คำงุ้น อายุ 40 ปี จับกุมตัวได้ที่ ทางเข้าอาคาร อัสสกาญจน์ เพลส คอนโดมิเนียม แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง จังหวัดกรุงเทพมหานคร 6.นายพงศธร จรูญโรจน์ อายุ 23 ปี จับกุมตัวได้ที่ บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ซอยทองหลาง 2 ต.สวนหลวง อ.กระทุมแบน จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
พล.ต.ท.สมประสงค์ ฯ ผบช.ภาค 3 เปิดเผยพฤติการณ์ของคดีว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 และชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมตำรวจภูธรภาค 3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก เกี่ยวกับการหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยการปลอมเป็นชาวต่างชาติ เพื่อหลอกให้รักหลอกให้หลง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อ จะใช้อุบายว่าจะส่งสิ่งของมีค่ามาให้ หรือติดปัญหาในการเดินทางที่จะมาพบกัน และให้เหยื่อโอนเงินไปเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นหญิงไทยอายุมาก หรือบุคคลอื่นที่ต้องการมีสามีหรือภรรยาเป็นชาวต่างชาติ จึงทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก
จากการสอบถาม น.ส.สถาพรฯ ให้การรับสารภาพว่า ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพใด มีรายได้จากการหลอกลวงผู้อื่น โดยเมื่อประมาณปี 2560 ได้ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย และได้รู้จักกับชาวต่างชาติซึ่งจะเป็นผู้หลอกลวงผู้เสียหาย มีการสนทนาผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ส่วนตนเองมีหน้าที่จัดหาบัญชีในการโอนเงินและคนกดเงินออก เมื่อมีการโอนเงินเข้ามาแล้ว จะทำการถอนออกทั้งหมด และโอนเงินต่อให้กับผู้ร่วมขบวนการซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ลักษณะเป็นกลุ่มแก๊งโดยแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อให้ยากต่อการจับกุม ส่วนตนเองจะได้รับผลประโยชน์ตามเปอร์เซ็นต์จากเงินที่ผู้เสียโอนเข้ามา ซึ่งจากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่ามีผู้เสียหายหลายร้อยราย ยังพบอีกว่ามีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ และยังมีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยทำมาแล้วประมาณ 4 ปี มีลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำมูลค่าความเสียหายมากกว่า 120 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดนำส่ง สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอฝากถึงพี่น้องประชาชน ที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน ในลักษณะดังกล่าว สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา หมายเลขโทรศัพท์ 044-242555 เวลาราชการ หรือติดต่อ ร้อยตำรวจโทกณวรรธน์ กฤดิสวนสมบัติ หมายเลขโทรศัพท์ 061-4509742 พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี