บิ๊กอสังหา เปิดใจ “อยากเลือกตั้ง” ชี้ความหวังฟื้นเศรษฐกิจ

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

บิ๊กอสังหา เปิดใจ “อยากเลือกตั้ง” ชี้ความหวังฟื้นเศรษฐกิจ แนะรบ.ใหม่สปีดลงทุน คิดนโยบายที่ทำได้จริง

เมื่อวันที่ 13 มกราคม นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานคณะกรรมการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดว่า ปัจจัยเสี่ยงมากที่สุดของปี 2566 คือ ความไม่แน่ไม่นอนของเศรษฐกิจโลก ยังมีความผันผวนสูง เป็นผลกระทบต่อเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก อเมริกา ยุโรป รวมถึงจีน มีผลต่อภาวะเงินเฟ้อ ราคาพลังงาน และโควิดที่กระทบในประเทศจีน ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ยังไม่นิ่ง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังขึ้น แต่คาดว่าน่าจะเริ่มถดถอย

@’บิ๊กLH’ ชี้เศรษฐกิจยังมีความผันผวน

นายนพรกล่าวว่า ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2566 น่าจะดีขึ้น เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจไทยจะอิงกับการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ในช่วงโควิดเจ็บตัวกันมาก แต่หลังเปิดประเทศโควิดคลี่คลาย มีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวค่อนข้างมากตั้งแต่ปลายปี 2565 ยังมีข่าวดีจีนเปิดประเทศ ทำให้การท่องเที่ยวดีขึ้น เกิดการจ้างงานในภาคบริการ ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศดีขึ้น

ทั้งนี้จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงและความไม่แน่ไม่นอนในหลายเรื่อง กระทบกับเศรษฐกิจรวมของโลก ทำให้การส่งออกไม่ขยายตัว ต้องจับตาเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนจะมีความผันผวนหรือไม่ ปีนี้จะเป็นปีที่จะเห็นทิศทางอะไรชัดเจนมากขึ้นว่าจะมูฟออนอย่างไง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นสิ่งที่เห็นและเกิดขึ้นจากปี 2565 ไปหมดแล้ว ทั้งนี้ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ต้องใช้เวลาสักระยะในการฟื้นตัว คงไม่ได้เห็นในเร็ววัน ดังนั้นการทำธุรกิจปีนี้ก็ต้องรู้จักประมาณตน

“จีนเปิดประเทศต่อธุรกิจอสังหา คงต้องรอดูอีกสักระยะ ยังเร็วเกินไปที่จะประเมิน เพราะกรณีของกลุ่มทุนจีนสีเทามีลูกค้าคนจีนเกิดความกังวล อย่างไรก็ตามไทยเป็นประเทศเป้าหมายที่จีนอยากเข้ามาอยู่อาศัยทั้งคอนโดและบ้าน”นายนพรกล่าว

นายนพรยังกล่างถึงการที่ประธานหอการค้าไทย-จีน จะมีการจัดงานให้นักลงทุนจีนและทั่วโลกเข้ามาประชุมที่ประเทศไทยในเดือนมิถุนายนนี้ มองว่าเป็นเรื่องที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์การค้าระหว่างประเทศ เหมือนกับที่รัฐบาลฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย เพราะเราอยู่ในโลกนี้คนเดียวไม่ได้ ในความเป็นจริงในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นระบบการผลิตหรือการบริโภค หากเราคล่องตัวมากขึ้น เทคโนโลยีถ่ายเทมากขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่รู้ว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน

@’เลือกตั้ง’ ความหวังบูสต์เศรษฐกิจไทย

นายนพรกล่าวว่า สำหรับปัจจัยการเมืองที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในปีนี้ เป็นอะไรบางอย่างที่ทุกคนมีความหวังหลังมีการเลือกตั้ง ปฎิเสธไม่ได้ว่าในครรลองครองธรรมในเชิงประชาธิปไตยคงต้องเดินหน้าเลือกตั้ง และต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจะดูอะไรในหลายๆส่วน ดังนั้นการเลือกตั้งและมีจัดตั้งรัฐบาลใหม่ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

“จากที่เราทำโครงการอสังหาขายในต่างจังหวัด พบว่าการทำตลาดค่อนข้างเหนื่อย เพราะกำลังซื้อไม่ค่อยดี โดยเฉพาะเชียงใหม่และภูเก็ตที่ตลาดหดตัวมากเพราะพึ่งนักท่องเที่ยวมาก ส่วนภาคอีสานยังพอไปได้”นายนพรกล่าว

นายนพรกล่าวว่า ทั้งนี้ในการหาเสียงหรือมีนโยบายต่างๆออกมานั้นก็ต้องดูภาพรวมของเศรษฐกิจด้วย ซึ่งเรื่องปากท้องก็ส่วนหนึ่ง เศรษฐกิจก็ส่วนหนึ่ง สิ่งสำคัญคือการออกนโยบายที่ออกมาจะกระทบต่อเศรษฐกิจต้องนิ่ง อย่ากลับไปกลับมา เช่น มาตรการแอลทีวีที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา การลดค่าธรรมเนียมการโอนจากเดิมเคยให้ 0.01% เหลือ 1% การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2565 เก็บเต็ม 100% ปี 2566 ลดให้ 15% รวมถึงนโยบายให้ต่างชาติซื้อบ้านหรือที่ดินก็ต้องมีอะไรที่ชัดเจน เป็นต้น

@’ลลิล’จี้แก้ปัญหาแรงงานขาด

ด้านนายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อยากให้ประเทศไทยมีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็ว เพื่อให้เกิดระบบประชาธิปไตยและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามานั้น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใครก็ได้ แต่ทีมเศรษฐกิจต้องเก่ง กล้าตัดสินใจ มีนโยบายใหม่ๆมาขายไอเดียให้กับประชาชนและทำได้ตามที่พูด

นายไชยยันต์กล่าวว่า สำหรับนโยบายที่ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือ การแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน โดยให้เปิดรับแรงงานต่างด้าวเข้ามามากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะจากเมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนามเท่านั้น โดยอาจจะเปิดให้ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เข้ามาได้

@จี้ให้ต่างชาติเช่าที่ 99 ปี เร่งปั๊มลงทุนรัฐ

นายไชยยันต์กล่าวว่า นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการให้ต่างชาติเช่าที่ดิน ในประเทศไทยได้ 99 ปี เหมือนกับที่หลายต่างประเทศดำเนินการ โดยกำหนดว่าต้องเป็นต่างชาติ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มได้สิทธิส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) 2.กลุ่มซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม 3.กลุ่มทำงานอุตสาหกรรมไฮเทค และ4.กลุ่มวัยเกษียณ หรือหากจะให้มีการซื้อบ้านได้ ควรจะอยู่ในโครงการบ้านจัดสรรและไม่เกิน 1 ไร่

อีกทั้งอยากให้รัฐบาลใหม่เร่งผลักดันการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งยังค้างท่อออกมาโดยเร็ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟทางคู่ ทางด่วน มอเตอร์เวย์ เป็นต้น เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากทั้งภายนอกเรื่องของภูมิรัฐศาตร์และปัจจัยภายในเรื่องภาระหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยที่ยังสูง

“การที่รัฐบาลลดค่าโอนกรรมสิทธิ์เหลือ 1% และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ถือว่าเป็นมาตรการที่ดีต่อภาคธุริจอสังหาในปีนี้ ขณะที่การที่จีนเปิดประเทศแล้ว เป็นอีกข่าวดีของตลาด โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม แต่หลังจากลูกค้าจีนหายไป 3 ปี อาจจะทำให้จีนกลับมาไม่เหมือนเดิมได้”นายไชยยันต์กล่าว


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน