ปริญญ์รับข้อหาเชียงใหม่อีกคดี ลุยตั้งทีมทนาย ไล่ฟ้องกลับแน่

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

กรณีทนายตั้ม-นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาเปิดโปงพฤติกามฉาวนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการนำเหยื่อสาวเข้าแจ้งความดำเนินคดีกล่าวหาว่ากระทำอนาจาร-ข่มขืน กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เหยื่อส่วนใหญ่ถูกลวงเข้าไปทำมิดีมิร้ายในห้องพักนายปริญญ์ที่คอนโดมิเนียมทาวเวอร์ พาร์ค สุขุมวิทซอย 3 มีผู้เสียหายทยอยแจ้งความแล้วทั้งหมด 14 คน ขณะที่นายปริญญ์ยังเก็บตัวเงียบและเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามท้องที่เกิดเหตุ

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 พ.ค. ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีทำอนาจารสาวเชียงใหม่ วัย 25 ปี เหตุเกิดในโรงแรมกึ่งรีสอร์ต ที่ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.64 ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จ. เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 เม.ย.65 นายปริญญ์มีสีหน้าเรียบเฉย ขณะขึ้นไปพบพนักงานสอบสวนตามนัด หลังสอบปากคำพนักงานสอบสวนยื่นเรื่องขอฝากขังนายปริญญ์ ผ่านระบบออนไลน์ต่อศาล ขณะที่ทนายนายปริญญ์ยื่นคำร้องขอประกัน ศาลให้ประกันตัวชั่วคราวในวงเงินสด 1 แสนบาท ก่อนที่นายปริญญ์จะเดินขึ้นรถตู้โตโยต้าอัลพาร์ด สีดำ ป้ายแดง ทะเบียน ณ 6575 กรุงเทพมหานคร มีทีมทนายและหญิงสาวคนในครอบครัวออกไปอย่างรวดเร็ว

พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่เผยว่า หลังจากนายปริญญ์มารับทราบข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อหาและให้การบางส่วน วันนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และขออำนาจศาลเพื่อออกหมายขัง ศาลอนุญาตตามขอ แต่ทีมทนายนายปริญญ์ได้ยื่นขอประกันตัว ศาลอนุญาต หลังจากนี้เป็นการดำเนินการตามกระบวนการตามกฏหมายต่อไป ในส่วนของคดีได้สอบปากคำใน ประเด็นที่ต้องการไปเรียบร้อย แต่ในส่วนของพยานอื่นๆที่จะนำมาประกอบคดีเพื่อให้พยานหลักฐานแน่นหนาและรัดกุมขึ้น จะพิจารณาหาพยานหลักฐานมาประกอบสำนวนคดีต่อไป ส่วนพยานหลักฐานเอกสารที่มาหักล้างนั้น เป็นสิทธิ์ผู้ต้องหาที่จะนำมากล่าวอ้าง แต่ในส่วนของตำรวจเชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่มี ไม่หนักใจ ส่วนเหยื่อยังใช้ชีวิตตามปกติ ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตลอด ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยให้หากมีการร้องขอ

ขณะที่นายพีรนัทธ์ วงศ์สวัสดิ์ ทนายความนายปริญญ์ กล่าวว่า เบื้องต้นนายปริญญ์ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา และมอบพยานหลักฐานสำคัญให้พนักงานสอบสวนพิจารณา ทีมทนายกำลังรวบรวมพยานหลักฐานสำคัญต่างๆของทุกคดีเพื่อต่อสู้ และจะนำข้อมูลที่สำคัญประกอบและพิจารณาว่ามีผู้กล่าวหารายใดที่ให้การไม่ตรงกับความจริงหรือให้ การเท็จจะพิจารณาเป็นรายๆ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมข้อมูลเพื่อความรอบคอบมากที่สุด ส่วนคดีที่มีผู้กล่าวหาเข้าแจ้งความถึง 15 คดีนั้น ทราบจากข่าวแต่ยังไม่น่าจะถึง และข้อเท็จจริงยังไม่ทราบ มีบางส่วนที่ให้การไม่ตรงหรือไม่เป็นความจริง ต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งนิติวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล เพื่อเป็นข้อมูลต่อสู้คดี

ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น. นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านแอปพลิเคชันไลน์ว่า หลังจากตนถูกแจ้งข้อกล่าวหาและเข้าพบพนักงานสอบสวนไม่มีพฤติการณ์หลบหนีพร้อมเข้าสู่กระบวน การยุติธรรม ได้มอบหมายให้นายพีรนัทธ์ วงศ์สวัสดิ์ ทนายความและหัวหน้าคณะทำงานทีมกฎหมายรวบรวมข้อมูลที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานเอกสาร รวมถึงพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องเพื่อต่อสู้คดี มอบหมายให้ทีมกฎหมายได้เร่งรวบรวมข้อมูลสำคัญเพื่อฟ้องคดีกลับในข้อหาแจ้งความเท็จฯต่อบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน หรือในข้อหาหมิ่นประมาททุกคดีโดยเร็วที่สุด เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองและครอบครัวให้ถึงที่สุด

ขณะเดียวกัน ในโลกโซเชียล เพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์ภาพแชตไลน์ที่มีฝ่ายหนึ่งส่งภาพหญิงสาวนั่งอยู่บนที่นอนห่มผ้าขนหนูสีขาวไว้พร้อมระบุว่า “ตามไปนอนด้วยที่ร้อยเอ็ดได้ไหมคะ” ขณะที่อีกฝ่ายส่งตอบกลับไปว่า “สุขสันต์วันเกิดครับ!” โดยเพจดังกล่าวโพสต์ข้อความระบุว่า “ตั้งใจส่งภาพนี้มาให้ บอกแค่ว่าบรรดาคนที่ร่วมมือออกมาแฉเตรียมตัวให้ดี เพราะอดีตนักการเมืองกำลังซุ่มรอสวนกลับ โดยการงัดหลักฐานมายืนยันว่าสาวๆ หลายคนเต็มใจอ่อย ยั่วเพศกับเขาเอง และที่เห็นในข่าวเป็นการจัดฉากดับอนาคตทางการเมือง…เห้ออ! สุดท้ายชาวเน็ตคือ ไม่ต้องได้พัก คนบนเรือยังไม่จบ เขื่อนก็ดันมาแตก มีท่านรองต้องให้ตามต่ออีกนะเนี๊ยะ”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีที่หญิงสาวหลายรายถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองกระทำอนาจารและกระทำชำเรา กล่าวว่า ได้เห็นภาพแชตที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์แล้ว ยังไม่ทราบว่าเป็นของใคร ได้สอบถามไปยังผู้เสียหายรายที่เปิดเผยคลิปเสียงแล้วพบว่า ไม่ใช่แชตของผู้เสียหายรายดังกล่าว ไม่ทราบว่าแชตดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายรายที่เข้าแจ้งความแล้ว หรือเป็นของหญิงสาวรายอื่น รวมถึงไม่ทราบว่าเป็นแชตที่สร้างขึ้น หรือเป็นแชตของผู้เสียหายจริง หากเป็นแชตของผู้เสียหายจริง ต้องพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการล่วงละเมิดทางเพศ

นายษิทรากล่าวอีกว่า รู้แล้วว่าขณะนี้ฝ่ายการเมืองดำเนินการอย่างไร จะให้ตนปล่อยทุกอย่างให้หมดก่อน ให้ผู้เสียหายออกมา จากนั้นจึงโต้กลับ เช่น ปล่อยภาพแชต หรือการให้สัมภาษณ์ แต่ตนยังมีสิ่งที่เก็บไว้อยู่ เพราะรู้ว่าเหตุเช่นนี้จะเกิดขึ้น หากออกมาสร้างความชอบธรรมว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง จะได้รู้กันว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร คิดว่าที่นำเสนอข่าวลักษณะนี้ออกมา แสดงให้เห็นถึงการโต้กลับทางการเมือง เพราะพรรคการเมืองเสียหายมาก ผู้ต้องหาระดับใหญ่ในพรรคการเมือง กระทบต่อภาพลักษณ์ ต้องการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส แต่จะบอกว่าเรื่องนี้ยิ่งวิกฤติมากกว่าเดิม เพราะขณะนี้เรื่องเงียบเนื่องจากผู้คนสนใจเรื่องอื่นๆ หลังตนกลับประเทศไทยจะดำเนินการต่อ ยังมีหลักฐานสำคัญที่ไม่เปิดเผยออกสื่อ เพราะรู้จะมีการโต้กลับลักษณะนี้ ไม่กังวลเรื่องถูกฟ้องกลับ เพราะออกมาช่วยเหลือผู้เสียหาย แม้แต่ขณะนี้ที่อยู่ประเทศฝรั่งเศส ผู้เสียหายที่อยู่อังกฤษก็ยังติดต่อมาสอบถาม และอยากให้ดำเนินการในส่วนคดีความ นอกจากนี้มีเหยื่อที่ติดต่อเข้ามา แต่ไม่กล้าแจ้งความ 2-3 ราย ยังพูดคุยกันอยู่ แล้วแต่ความสมัครใจ ขณะนี้ ผู้เสียหาย 14 รายที่ตนดูแลด้านคดีความ ยังไม่มีใครเปลี่ยนใจแต่อย่างใด

วันเดียวกัน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นางพัชรี อาระยะกุล ปลัด พม.กล่าวเปิดกิจกรรมเสวนาเรื่อง “คุกคาม ข่มขืน…ภัยอันตรายจากอำนาจในสังคมไทย” ว่า การกระทำความรุนแรงในครอบครัว การคุกคามทางเพศ ต้นตอมาจากความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ชายเป็นใหญ่ เป็นสิ่งที่บ่มเพาะและถ่ายทอดจากรุ่นปู่ย่าตายายสู่ลูกหลาน เมื่อเกิดเหตุในครอบครัวจะถูกปิดเป็นความลับ เป็นเรื่องภายในที่ไม่ควรเปิดเผย กระทั่งเด็กรับรู้และถูกซึมซับมองเป็นสิ่งที่กระทำได้และห้ามบอกจนกลายเป็นการปลูกฝัง ยิ่งเป็นผู้มีสถานะทางสังคม หากคุกคามทางเพศหรือบังคับมีเพศสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ยิ่งยากที่จะถูกเปิดเผย ร้องเรียน เพราะผู้ถูกกระทำเกรงกลัวต่อการถูกกลั่นแกล้ง กลัวมีผลต่อหน้าที่การงาน ฝากถึงสังคมให้เปิดใจยอมรับว่า เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริง เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องลุกขึ้นปกป้องคุ้มครองผู้ถูกกระทำ และไม่ควรโทษผู้ถูกกระทำ เช่น มองว่าเหยื่อเปิดโอกาสโดยการแต่งตัวโป๊ แต่เป็นเรื่องที่ผู้กระทำไม่ควรไปละเมิดสิทธิผู้อื่น ขณะเดียวกันต้องให้กำลังใจผู้ถูกกระทำให้ลุกขึ้นต่อสู้ร้องทุกข์เอาผิด โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายอย่างรวดเร็วฉับไว

ด้าน พ.ต.อ.หญิง ปวีณา เอกฉัตร ผกก. (สอบสวน) บก.น.8 กล่าวว่า คดีข่มขืนกระทำชำเรา ปี 2562 มีการปรับแก้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาให้เป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน จากเดิมกำหนดให้ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน ส่วนอายุความดำเนินคดีกำหนดไว้ 20 ปี แต่สิ่งที่อยากฝากถึงผู้เสียหายที่ถูกกระทำชำเรา ขอให้ตั้งสติ และไปตรวจร่างกายก่อน เพราะจะเป็นหลักฐานสำคัญในการร้องทุกข์ดำเนินคดี ถ้าตรวจช้าอาจจะทำให้หลักฐานไม่ครบสมบูรณ์หรือถ้านานเกินก็จะถูกทำลายได้ สามารถมาตรวจที่ รพ.ตำรวจมีศูนย์พึ่งได้ที่ให้บริการครบวงจร ขณะที่ น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานองค์กรทำดี กล่าวว่า ข้อจำกัดของผู้เสียหายที่เกิดเหตุในต่างจังหวัดคือ รพ.ที่ตรวจร่างกายในคดีข่มขืนไม่สามารถตรวจได้ทุกที่ บางเคสต้องเดินทางข้ามจังหวัด เสียค่าใช้จ่าย หลายเคสผู้เสียหายไม่มีเงินค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ระบบการช่วยเหลือตรงนี้ควรจะเปิดกว้างและดูแลช่วยเหลือผู้เสียหายมากขึ้น


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน