เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ศูนย์ข่าวภูเก็ต – มูลนิธิรักษ์ภูเก็ต จัดงาน “วัดสิ่งแวดล้อมโลก” เพื่อส่งเสริม ป้องกัน ฟื้นฟู และรักษาสิ่งแวดล้อมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน พร้อมประกาศความสำเร็จ ทวงคืนผืนป่าต้นน้ำ ปลูกต้นไม้ 1,700 ต้น สร้างผืนป่าขึ้นมาใหม่ หลังป่าถูกทำลายจากการก่อสร้างคอนโดฯ หรู
วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็น “วันสิ่งแวดล้อมโลก” ปีนี้ก็เช่นเดียวกัน มูลนิธิรักษ์ภูเก็ต ซึ่งจัดตั้งมาเป็นเวลา 15 ปี เพื่อดำเนินการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่หาดกะตะน้อย อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้ร่วมกับโรงแรมกะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท เทศบาลตำบลกะรน จัดกิจกรรม “วันสิ่งแวดล้อมโลก” ขึ้นที่โรงแรมกะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท โดยมี นายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน และมีนายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานมูลนิธิรักษ์ภูเก็ต เรือเอกเจด็จ วิชรศรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลกะรน หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วม
การจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อส่งเสริม ป้องกัน ฟื้นฟูและรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนให้ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ กลุ่มผู้ประกอบการ และพนักงานในองค์กรมีส่วนร่วมในการจัดการชายหาดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สร้างจิตสำนึกในการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน รวมไปถึงเพื่อสร้างภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน มีความสวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
โดยภายในงานได้มีกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์และดูแลสิ่งแวดล้อม ทั้งการทำความสะอาดชายหาด ชุมชน การแสดง “รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม” และการร้องเพลง We Are The World จากตัวแทนนักเรียนโรงเรียนไทยหัวอาเซียนวิทยา มอบรางวัลผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ ในชุมชน แก่ตัวแทนกลุ่มต่างๆ และรางวัลให้นักสืบสิ่งแวดล้อม นักเรียนโรงเรียนบ้านกะตะ เช่น รางวัลกาจัดการขยะ น้ำเสีย รางวัลอนุรักษ์พันธุ์พืชแห่งหาดกะตะน้อย รางวัลผู้พิทักษ์ความปลอดภัยหาดกะตะน้อย รางวัลนักสืบสิ่งแวดล้อม รางวัลต้อนรับดูแลลูกค้าดุจญาติมิตร เป็นต้น เพื่อดึงชุมชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม
นายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานมูลนิธิรักษ์ภูเก็ต กล่าวว่า มูลนิธิรักษ์ภูเก็ต ร่วมกับ โรงแรมกะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท และชุมชนกะตะน้อย จัดงานวันสิ่งแวดล้อมโลก เป็นปีที่ 15 ภายใต้แนวคิด “ส่งเสริม ป้องกัน ฟื้นฟูและรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” ถือเป็นการจัดงานครั้งที่ 13 โดยเว้นช่วงระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ผ่านมา การจัดงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกและองค์ความรู้ให้ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ กลุ่มผู้ประกอบการ ลูกค้า คู่ค้า และพนักงานในองค์กร ในการรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีแก่นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน เพื่อให้ชายหาดกะตะน้อย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและยั่งยืน และสร้างให้ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยภารกิจที่ถือปฏิบัติเป็นกิจวัตรในการดูแลป้องกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำเสีย การจัดการขยะมูลฝอย การเพิ่มพื้นที่สีเขียว และดูแลป้องกันไม่ให้ทำลายทรัพยากรป่าไม้ รวมถึงการจัดการน้ำ ดูแลความปลอดภัยในชุมชนและชายหาด รวมถึงการสร้างรายได้และสร้างอาชีพสุจริตในชุมชน
นอกจากความสำเร็จในการสร้างจิตสำนึกหวงแหนรักษาผืนป่าของชาติ อีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ประสบความสำเร็จเป็นที่ภาคภูมิใจของชุมชน คือ ความร่วมแรงร่วมใจในการต่อสู้ ทวงคืนผืนป่าต้นน้ำของชุมชนหาดกะตะน้อย ที่มีการออกเอกสารสิทธิที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมายในพื้นที่ป่า และมีการนำพื้นที่มาลงทุนสร้างคอนโดมิเนียม จนมีการร้องศาลปกครองและศาลปกครองได้สั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินแปลงดังกล่าว เนื่องจากออกไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนเทศบาลตำบลกะรนได้สั่งให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกจากพื้นที่เพื่อคืนพื้นที่ป่า จนขณะนี้ได้มีการรื้อถอนทั้งหมดแล้ว ทิ้งไว้แต่เพียงทาวเวอร์เครน 2 ตัว ที่เป็นอนุสรณ์ในการต่อสู้ทวงคืนผืนป่าของชุมชนกะตะน้อย
“ป่าผืนนี้ มูลนิธิรักษ์ภูเก็ตและชุมชนกะตะน้อย ได้ร่วมกันต่อสู้ทวงคืนจนสำเร็จ ใช้ระยะเวลาต่อสู้มายาวนานถึง 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา บัดนี้ สิ่งปลูกสร้างที่ผิดกฎหมายดังกล่าวได้ถูกรื้อถอนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว” ประธานมูลนิธิรักษ์ภูเก็ต กล่าวและว่า
จนปัจจุบันได้มีการเริ่มปลูกป่าคืนแก่ธรรมชาติ แต่ยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมารับผิดชอบได้ อย่างไรก็ตาม ทางชุมชมมีความหวังว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอีก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถดำเนินคดีกับผู้ทำความผิดได้
นอกจากนี้ ในงานสิ่งแวดล้อมโลกปีนี้ ชาวชุมชนกะตะน้อย ผู้ประกอบการโรงแรม และกลุ่มอาชีพต่างๆ ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอเมือง นายกเทศมนตรีตำบลกะรน และสำนักงานจัดการป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ได้อนุเคราะห์กล้าไม้ จำนวน 1,700 ต้น เพื่อสร้างผืนป่าขึ้นมาใหม่ในที่ดินแปลงดังกล่าว เพื่ออนุรักษ์พื้นที่ป่าให้อุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน โดยทางชุมชนได้เข้าไปปลูกกล้าไม้ ซึ่งมีทั้งต้นยางนา และต้นคะเคียน ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ที่ดินแปลงนี้กลับมาเป็นป่าที่สมบูรณ์ต่อไป
ประธานมูลนิธิรักษ์ภูเก็ต กล่าวในต้อนท้ายว่า การป้องกัน ฟื้นฟู ดูแล รักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ประเทศไทยสามารถทำรายได้จากการท่องเที่ยวปีละเป็นเงินมหาศาล จากที่เรามีธรรมชาติที่สวยงาม หาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าใสสะอาด ภูเขาและป่าไม้ที่สมบูรณ์ เป็นเสน่ห์และจุดขายที่สำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา หากสิ่งเหล่านี้ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพลงไป เสน่ห์ของภูเก็ตจะค่อยๆ จางหายไป การสร้างจุดขายขึ้นมาทดแทนหรือต้นทุนการทำการตลาดและส่งเสริมการขายสูงมากขึ้น จนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เปรียบเสมือนกับเหมืองแร่ที่ขุดจนหมดสาย หรือบ่อปลาที่ไม่มีปลาให้จับ ก็จะถึงจุดล่มสลายในที่สุด
สำหรับผืนป่าต้นน้ำที่ชุมชนกะตะน้อย ร่วมกันต่อสู้ทวงคืนจนสำเร็จนั้น เป็นผืนป่าที่ตั้งของโครงการ เดอะ พีค เรสซิเด้นซ์ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาหาดกะตะน้อย หมู่ที่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 17 ไร่ เป็นโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรู มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ถูกศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดที่ตั้งโครงการเป็นพื้นที่ป่าและออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกทั้งหมด จนปัจจุบันได้มีการรื้อถอนอาคารคอนโดมิเนียมออกทั้งหมดแล้ว และมีการปลูกป่าขึ้นมาใหม่ ด้วยกล้าไม้ยางนา และตะเคียน 1,700 ต้น ที่ชมุชนกะตะน้อยได้เข้าไปร่วมกันปลูกตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสร้างผืนป่าขึ้นมาใหม่