เปิดมุมมองโบรกฯ ต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังคลังเตรียมแผนต่อเวลา ลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง และการผ่อนปรนมาตรการ LTV พร้อมกระตุ้นตลาดรอบใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในงาน PROPERTY INSIDE 2022 “ทางรอดอสังหา หลังโควิด ไฟสงคราม” ว่า จากที่มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) จะสิ้นสุดในปลายปีนี้ กระทรวงการคลัง เตรียมจะหารือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และกระทรวงมหาดไทย ในการขยายเวลามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เช่น มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง และการผ่อนปรนมาตรการ LTV รวมถึงจะมีการหารือว่าจะมี มาตรการกระตุ้นอะไรบ้างที่จะเข้าไปช่วยเหลือได้ต่อไป
จากประเด็นดังกล่าวส่งผลให้นักวิเคราะห์ต่างออกมาประเมิน ว่าเป็นสัญญาณในเชิงบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก ทางสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้รวบรวมมุมมองของนักวิเคราะห์ต่อประเด็นดังกล่าว รวมถึงหุ้นอสังหา ที่แต่ละบริษัทหลักทรัพย์ประเมินว่าจะได้รับประโยชน์
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวคิดข้างต้น โดยประเด็นครั้งนี้มีการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายเพดานลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองในอัตราอย่างละ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยมูลค่าสูงกว่า 3 ล้านบาท แม้ไม่ได้สิทธิเต็มมูลค่าทั้งหมด เนื่องจากกำหนดสิทธิไว้ที่ราคา 3 ล้านบาทแรกที่จะได้รับประโยชน์ค่าโอน-จดจำนองในอัตราที่ลดลงเหลืออย่างละ 0.01% แต่ส่วนที่เกินมูลค่า 3 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงเสียค่าธรรมเนียมในอัตราเดิม (ปกติค่าธรรมเนียมโอนฯ อยู่ในอัตรา 2% แบ่งคนละ 1% สำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย ส่วนค่าจดจำนองเป็นภาระของผู้ซื้อ คิดในอัตรา 1% ของวงเงินกู้)
กล่าวคือ บ้านราคา 5 ล้านบาท ได้สิทธิ 3 ล้านบาทแรกสำหรับลดค่าโอนฯ-จดจำนอง ส่วนอีก 2 ล้านบาท เสียค่าธรรมเนียมในอัตราปกติ
แต่แนวทางดังกล่าว ถือเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ซื้อได้มากขึ้น (โดยลดค่าใช้จ่ายได้เกือบ 6 หมื่นบาท) และเป็นแรงจูงใจให้เกิดการขายและโอนฯ มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากหากกำหนดสิทธิให้เฉพาะบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อาจไม่ได้ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหา ได้มากนัก เพราะระดับราคาบ้านกลุ่มนี้ คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของมูลค่าทั้งตลาดรวม จึงประเมินว่าเมื่อมีการขยายเพดานสิทธิสู่บ้านราคาสูงขึ้น น่าจะครอบคลุมตลาดได้ในวงกว้าง
โดยสรุปประเด็นข้างต้น ย่อมสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหา ประกอบกับผลประกอบการที่จะฟื้นตัวใน ครึ่งปีหลัง 65 มากกว่าครึ่งปีแรก 65 ขณะที่การปรับลงของราคาหุ้นในกลุ่ม ทำให้ Valuation ไม่แพง และ Div Yield จูงใจเกิน 5% ต่อปี ถือเป็นระดับมากพอที่ชนะเงินเฟ้อ จึงแนะนำเข้าลงทุนสะสม เลือกหุ้นเด่นที่มีพอร์ตกระจายตัว, Backlog สูง, Upside เกิน 15% และ Div Yield เกิน 5% ต่อปี คือ SPALI, AP และ ORI
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด (CGS CIMB) เปิดเผยว่าแนะนำ ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นในกลุ่มอสังหา อย่าง AP – LH – PSH – QH – SPALI – ORI – BRI หลังมีข่าวว่ารัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหา โดยการขยายเพดานลดค่าโอน-จดจำนอง 0.01% ไปยังฐานผู้ซื้อบ้านราคาเกิน 3 ล้านบาทและเล็งต่ออายุมาตรการ LTV (Loan to value) ที่จะหมดลงในปีนี้
โดยภาคอสังหา คิดเป็น GDP ประมาณ 8-9% ที่รัฐให้ความสำคัญในการสนับสนุน โดยหากมีการขยายเพดานลดค่าโอน-จด จำนองให้กับผู้ซื้อบ้านราคาเกิน 3 ล้านบาทก็จะเป็นบวกกับ AP – LH – OH – ORI – BRI ที่มีพอร์ตบ้าน ราคาเกิน 3 ล้านบาทอยู่มาก สำหรับกลุ่มอสังหา เราให้ LH – ORI – SPALI เป็น top pick โดยมีราคา เป้าหมาย 10.80, 14.50 และ 25.25 บาทตามลำดับ
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง & ธปท.เตรียมขยายเวลามาตรการผ่อนปรนสำหรับที่อยู่อาศัย ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทั้งมาตรการ LTV มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองบวกต่อกลุ่ม Property โดยรวม และบวกหลักๆต่อบริษัทที่เน้นกลุ่มลูกค้า Segment ระดับล่าง อาทิ PSH – SENA – LPN
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH เปิดเผยว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อ APและ LH ที่ชำนาญแนวราบ สำหรับหุ้นเด่นในกลุ่มชอบ ORI และ SPALI