เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ธนาคารจีนอาจสูญเสียหนี้จำนองรวม 3.5 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 12 ล้านล้านบาทจากวิกฤตการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
รายงานระบุว่า โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หยุดชะงักได้ทำลายความเชื่อมั่นของผู้ซื้อบ้านหลายแสนคน นำไปสู่การคว่ำบาตรการจ่ายหนี้จำนองในกว่า 90 เมือง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบในวงกว้าง
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings ประมาณการว่า ธนาคารจีนมีความเสี่ยงจากเงินกู้จำนองรวม 2.4 ล้านล้านหยวน (หรือราว 10.2 ล้านล้านบาท) ในขณะที่ธนาคารดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank AG) เตือนว่าอย่างน้อยร้อยละ 7 ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยกำลังตกอยู่ในอันตราย จนถึงตอนนี้ ธนาคารที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายงานว่า มีการจำนองค้างชำระราว 2.1 พันล้านหยวน (หรือราว 1.5 หมื่นล้านหยวน) ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการคว่ำบาตร
ภายใต้บริบทการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การหยุดชะงักของกิจกรรมต่างๆ จากโควิด และสถิติการว่างงานของเยาวชนที่สูงเป็นประวัติการณ์ ปักกิ่งจึงให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการเงินและสังคมเป็นอันดับแรก
นาย Gabriel Wildau กรรมการผู้จัดการของบริษัท Teneo Holdings ให้ความเห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็น “รากฐานสูงสุด” สำหรับความมั่นคงทางการเงินในจีน
สินเชื่อที่อยู่อาศัยคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 34 ของสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร Postal Savings Bank of China Co. และ ธนาคาร China Construction Bank Corp. ณ สิ้นปี 2564
ธนาคารจีนได้เพิ่มจำนวนเงินทุนสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรกจากการขายพันธบัตร เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น
หนี้เสียมูลค่า 2.9 ล้านล้านหยวน ณ สิ้นเดือน มี.ค. 65 พร้อมที่จะทำสถิติใหม่และทำให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด
S&P Global Ratings คาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านจะลดลงมากถึงร้อยละ 33 ในปีนี้ ท่ามกลางการคว่ำบาตรการจำนอง ซึ่งบีบคั้นสภาพคล่องของนักพัฒนาที่ประสบปัญหาและนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น
เมื่อเดือน มิ.ย. 65 การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีน ลดลงร้อยละ 9.4
ที่มา เซาทไชน่ามอร์นิ่งโพสต์