“หญิงไฮโซ” เตรียมหอบหลักฐานเข้าพบกองปราบฯ หลังถูกร้องหลอกเสี่ย ส. แต่งงาน โอนทรัพย์สิน 50 ล้าน

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

วันอาทิตย์ ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 16.50 น.

จากกรณีที่นายศุภโชค ศุภบัณฑิต นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์  พร้อมครอบครัว และ นายพิทยา เพชรพลอย ,นายปัจจุคมน์ เจริญรัชต์  ทนายความ ที่เข้าร้องทุกข์ต่อกองปราบปราม เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้สืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง ว่าทางครอบครัวสงสัย คุณพ่อวัย 75 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความและนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กำลังถูกกลุ่มบุคคล ที่น่าจะเป็นขบวนการเข้ามาหลอกลวง ทำให้สูญเสียทรัพย์สินไปแล้วประมาณ 50 ล้านบาท นั้น 

ภายหลังจากที่มีสื่อมวลชนพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์บุคคลที่ถูกพาดพิง แต่บุคคลดังกล่าวปฏิเสธ ไม่ประสงค์ที่จะออกมาให้ข้อมูลตอบโต้ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องระหว่างคนในครอบครัว น่าจะมาพูดคุยกันได้ แต่กลับมีการไปออกข่าว จึงตัดสินใจให้สัมภาษณ์นักข่าวทีวีช่องหนึ่งออกอากาศค่ำวันที่ 22 ต.ค.2565 โดยสมมุติชื่อ”ลินดา” เป็นหญิงไฮโซ ซึ่งเจ้าตัวได้มอบภาพถ่าย ทะเบียนสมรส ภาพวันหมั้น ภาพวันที่มายื่นหนังสือถึง ผบก.ป.และ ผบช.ก. ที่กองบังคับการปราบปราม รวมทั้งคลิปเสียงบางส่วนที่เสี่ย ส.พูดดุยกันหลังจดทะเบียนสมรสแล้ว ให้นักข่าวไปใช้ประกอบข่าวบางส่วน

โดยเธอระบุว่าหลักฐานต่างๆ เหล่านี้ เสี่ย ส.ที่มีสติสัมปชัญญะ ทำไว้ด้วยตัวเอง และสั่งให้ลินดาเรื่องเก็บข้อมูลต่างๆ ในฐานะนักกฎหมาย สอนให้เก็บเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกฝ่ายตรงข้ามรังแก  ซึ่งมีหลักฐานที่ยังไม่ได้เปิดเผยอีกจำนวนมากทั้งที่เป็นเอกสารและคลิปภาพและเสียง ภาพถ่าย ภายหน้ามีความจำเป็น ลินดาจะได้มีหลักฐานต้องใช้แสดงให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรับรู้ข้อเท็จจริงของทั้งสองคน

ลำดับความสัมพันธ์ ลินดา-เสี่ย ส. เมษายน 65 “ลินดา-หญิงไฮโซ”รู้จัก เสี่ยสุรชัย ผ่านนายหน้าค้าที่ดินรายหนึ่งแนะนำทำให้ทั้งสองติดต่อทำธุรกิจที่ดินด้วยกัน ก่อนเสี่ยสุรชัย จะขอกู้ลินดา 300 ล้านบาท เสี่ย ส.ไปมาหาสู่ลินดาเรื่อยมา ด้วยความเข้าใจกันและกัน ทั้งคู่จึงตัดสินใจจดทะเบียนแต่งงานกันเพื่อความสะดวกในการทำธุรกิจที่ดิน-อสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน

วันที่ 2 มิ.ย.65 เสี่ย ส.พาลินดา ไปไหว้ขอพรจากสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ ทำพิธีหมั้น โดยเสี่ย ส.สวมแหวนเพชร 3 กะรัต และมอบเช็คจำนวน 100 ล้านบาทให้ลินดาเป็นของหมั้น มีแขกรวมงานเพียง 10 คน เสี่ย ส.ให้เหตุผลในการหมั้นว่าลินดาเป็นคนดี ซึ่งตัวลินดาเองก็รู้สึกว่าตัวเองอายุมากแล้วปีนี้ก็ 65 ปี ส่วนเสี่ย ส.ก็อายุ 75 ปี ต่างฝ่ายต่างเป็นม่าย จึงอยากใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยกัน ไม่อยากเสียเวลาที่เหลือไปเปล่า ๆ หลังจากนั้นเสี่ย ส.ย้ายมาอยู่ด้วยกันกับลินดา

วันที่ 26 ก.ค.65 เสี่ย ส. ขายหุ้นปูนซีเมนต์ให้บุตรชายของลินดา ที่เสี่ย ส.รักมากในราคาหุ้นละ 5 บาท ที่เสี่ย ส.ยืมเงินของลินดากับลูกชายไปลงทุน นอกจากนั้นลินดายังได้รับซื้อคอนโดมิเนียมไว้ กับที่ดินขนาด 100 ตร.ว. ที่ดินหวังเอาไว้สร้างเรือนหอ รวมมูลค่าทรัพย์ที่ได้รับแล้วไม่ถึง 5 ล้านบาท

วันที่ 27 ก.ค. 65 ทั้งคู่ไปทำธุรกิจด้วยกันที่เชียงใหม่ เสี่ย ส.รบเร้าขอลินดาแต่งงาน เพื่อความสะดวกในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บอกว่าไม่อยากรอ เนื่องจากติดวันหยุดยาว และกลัวว่าลินดาจะเปลี่ยนใจไม่จดทะเบียนสมรสด้วย 

ลินดาจึงตัดสินใจยอมจดทะเบียนสมรสด้วย แต่ติดที่ลินดายังไม่ได้หย่าขาดจากสามีเก่าที่แยกกันอยู่มานานกว่า 10 ปี ที่อาศัยอยู่ จ.กำแพงเพชร เสี่ย ส.เสนอลินดา ขอให้นัดสามีเก่ามาจดทะเบียนหย่า พร้อมกับทั้งคู่ก็จดทะเบียนสมรสเลย ลินดาจึงนัดหมายสามีเก่ามาที่ว่าการอำเภอพรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร และจดทะเบียนสมรสใหม่กับเสี่ย ส.ในวันเดียวกัน

วันที่ 23 ต.ค.65 เวลา 09.40 น. ลินดา ได้รับแจ้งจากคนที่บ้านย่านวังหิน ว่า เสี่ย ส.ถูก นายศุภโชค ลูกชาย มาพาตัวขึ้นรถตู้สีขาวออกไปจากบ้านพักย่านวังหิน เขตลาดพร้าว กทม.บอกว่า “จะเอาพ่อออกไปกินกาแฟ เดี๋ยวจะพากลับมา”แต่ติดต่อไม่ได้ รอจนวันที่ 8 ต.ค.2565 ก็ยังไม่กลับมา จึงไปแจ้งความ ตำรวจ สน.โชคชัย พร้อมภาพวงจรปิดไปมอบไว้หากเกิดอันตรายแก่กาย จิตใจ หรือชีวิต ให้สันนิษฐานว่าเกิดจากชายในคลิปวงจรปิดดังกล่าว จึงมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน

ในเรื่องดังกล่าว นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ความเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า เช็ค 100 ล้านบาทที่นายสุรชัยให้กับนางลินดาถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนายสุรชัย ซึ่งเข้าข่ายสินสมรส ดังนั้นทางครอบครัวของนาย ส.ไม่สามารถเรียกคืนได้ นอกจากนี้ นาย ส.ยังมีสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนตัวของตัวเอง ซึ่งสามารถมอบให้นางลินดาได้ตามที่ต้องการ

ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นในบางกรณี หากบุตรของนาย ส.จะเข้าไปดูแลทรัพย์สินของนาย ส.โดยทรัพย์สินดังกล่าวจะต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของแม่แท้ ๆ ของบุตรของนาย ส. อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนหย่าต้องเกิดจากความต้องการของสามีภรรยา บุคคลอื่นไม่สามารถฟ้องหย่าได้ ซึ่งในกรณีที่เกิดขึ้นตนคิดว่าคงไม่มีการหย่าเกิดขึ้น

ล่าสุด “ลินดา”หญิงไฮโซ พร้อมทนายความเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อชี้แจงกรณีที่ถูกพาดพิงทั้งหมดในวันอังคารที่ 25 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน กทม.


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน