อยากเห็นหน้า “มะปราง” หลังถูกจับ เชื่อโยงคนไทยในเกาหลีร่วมหลอก

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

วันพฤหัสบดี ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2566, 20.14 น.

ชาวบ้านอยากเห็นหน้ามะปราง สาวหลอกชาวบ้านาไปทำงานเกาหลี รื้อบ้านพ่อปู่เรียบ ว่าใบหน้าจะเหมือนตอนที่ไปติดต่อให้ไปทำงานเกาหลีหรือไม่ เบื้องต้นเงินกว่า 1 ล้านบาทที่ได้ไปเกลี้ยงแล้ว ชาวบ้านเชื่อมีคนไทยที่เกาหลีมีเอี่ยวร่วมหลอก ตำรวจชี้จะหาแนวทางช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน


วันที่ 12 ม.ค.66 พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ,พ.ต.อ.นิรันดร์ แก้วอิน รอง ผบก.ภ.จว. และ พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ร่วมกันแถลงข่าวพฤติการณ์ของ น.ส.สุภรัตน์ หรือ มะปราง อายุ 24 ปี อยู่บ้านในพื้นที่ ต.หนองกง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์  หลังตำรวจตามจับกุมได้ที่ห้อง 288 /98 ซีซีคอนโดมิเนียม เขาน้อย ตั้งอยู่ที่ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมาตามหมายศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ลงวันที่ 7 ม.ค.


หลังได้ทำการหลอกลวงชาวบ้านในเขตพื้นที่ อ.ลำปลายมาศ อ.นางรอง และต่างหวัดทางเฟชบุ๊ค ให้หลงเชื่อว่าสามารถพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ได้ค่าแรงเดือนละ 60,000 บาท ไม่ต้องจ่ายค่าเครื่องบิน ไม่ต้องมีพาสปอร์ต เพราะสามีใหม่ของแม่ทำงานที่ ตม.ประเทศเกาหลี แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายละ 8,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับอายุและความสามารถ มีผู้เสียหายไปแจ้งความแล้วจำนวน 85 คน ยังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้าไปแจ้งความ และคาดว่าน่าจะมีมากกว่า 170 คน


ทั้งยังหลอกพ่อกับแม่นายเกียรติศักดิ์ เหาะสูงเนิน อายุ 23 ปี ที่บ้านเลขที่ 206 หมู่ 7 ต.โคกล่าม อ.ลำปลายมาศ แฟนหนุ่ม รื้อบ้านอ้างจะสร้างให้ใหม่แบบโมเดิร์น สุดท้ายได้เงินแล้วหลบหนีไป ปล่อยให้ครอบครัวของแฟนหนุ่มต้องเดือดร้อนไม่มีที่อยู่ และเป็นหนี้จากการเชื่อวัสดุก่อสร้างมาก่อน


เมื่อชาวบ้านทราบว่าผู้ต้องหาถูกส่งตัวมาแถลงข่าวที่ตัวจังหวัด ผู้เสียหายร่วม 20 คน เดินทางตามมาด้วย เพราะอยากจะถามน้องมะปราง ต่อหน้าตำรวจ ทำให้ต้องงดเอาผู้ต้องหามาร่วมแถลง เพราะเกรงจะเกิดความไม่สงบเกิดขึ้นระหว่างการแถลง ชาวบ้านหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากเห็นหน้าน้องมะปราง ตอนนี้ว่าจะเหมือนตอนที่ได้เงินจากการหลอกชาวบ้านไปหรือไม่ บางคนไม่หวังจะอยากได้เงินคืน แต่สงสารครอบครัวที่มะปราง หลอกรื้อบ้านเพราะเขาไม่มีที่อยู่แล้ว


จากข้อมูลที่ชาวบ้านได้มาก พบว่าน้องมะปราง ได้เงินจากการถูกหลอกไปทั้งหมดที่ผู้เสียหายมาแจ้งความไว้จำนวนเงิน 1,400,000 บาท โอนเงินไปให้คนไทยที่ประเทศเกาหลี 1,000,000 บาท มะปรางเอาไว้ใช้ส่วนตัว 400,000 บาท ซึ่งเงินใช้หมดแล้ว

พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตอนนี้คาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายมาแจ้งความเพิ่มอีก เพราะพฤติการณ์ของน้องมะปราง จะชักชวนทางเฟชบุ๊คด้วย คดีนี้ถือเป็นคดีแรกในรอบหลายปี ที่มีการหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ


แต่จะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง คือจำนวนเงินที่หลอกสมัยก่อนจะมีมูลค่าสูง แต่ครั้งนี้รายละไม่ถึงหมื่น ส่วนทางคดีจะมีการสืบสวนต่อไป หากพบมีใครร่วมกระบวนการก็จะตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป รวมถึงการช่วยเหลือผู้ถูกหลอก จะต้องสืบหาทรัพย์มาแบ่งจ่ายให้กับผู้เสียหายมากน้อยตามเปอร์เซ็นต์ที่เสียไป


ด้านนางเกษร ยานสิทธิ์ อายุ 45 ปี แม่ของนายเกียรติศักดิ์ แฟนหนุ่มมะปราง กล่าวว่าหลังจากรู้ว่าถูกหลอกรื้อบ้าน ได้เอาวัสดุก่อสร้างไปขอคืนให้กับร้านวัสดุได้ไปจำนวนหนึ่ง ยังเป็นหนี้ที่ใช้วัสดุไปแล้วอีกประมาณ 45,000 บาท ยังไม่รู้จะไปหาที่ไหน บ้านที่สร้างไว้ก็หายไปด้วยมือของตัวเอง แฟนมีอาชีพเพียงรับจ้าง ตนก็เป็นพนักงานเติมน้ำมันในปั๊ม ยอมรับว่าโชคชตากลั่นแกล้งทำให้ต้องตกอับขนาดนี้ ทั้งเป็นหนี้ ทั้งไม่มีบ้านอยู่


ขณะพี่สาวของน้องมะปราง ได้ออกมาเปิดเผยว่า น้องสาวเคยไปทำงานที่ประเทศเกาหลีมาก่อน เคยหลอกเอาเงินของชาวบ้านมาก่อน แต่เป็นแค่หลักหมื่น เจรจาชดใช้กันได้ แต่ครั้งนี้ยอมรับว่าหนักมาก คุยกับน้องสาวแล้วยอมรับในความเป็นจริง ไม่คิดว่าเรื่องจะร้ายแรงขนาดนี้ ส่วนการประกันครอบครัวคงไม่มีปัญญาหาเงินมาประกันตัวได้ เพราะคดีมีโทษสูง


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน