24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 29 มกราคม 2566

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

30 ม.ค. 2566 | 05:44:02

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 29 มกราคม 2566 

>> เผยสถานการณ์แรงงาน ผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น, ผู้ว่างงานลดลง 9.5 หมื่นคน 

09.00 น. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานข้อมูลการสำรวจภาวะการมีงานทำของคนไทย ณ เดือน พ.ย. 65 ทั่วประเทศพบผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป 58.73 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานหรือผู้ที่พร้อมจะทำงาน 40.36 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้มีงานทำ 39.82 ล้านคน ผู้ว่างงาน 4.6 แสนล้านคน และผู้ที่รอฤดูกาล 8 หมื่นคน ส่วนผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงานหรือผู้ที่ไม่พร้อมทำงาน เช่นแม่บ้าน นักเรียน คนชรา มีจำนวน 18.37 ล้านคน 

สำหรับผู้มีงานทำ 39.82 ล้านคน ในเดือน พ.ย.นั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้น 6.2 แสนคน จากเดือน ต.ค. 65 แยกเป็นผู้มีงานทำในภาคเกษตรกรรม 12.34 ล้านคน และและนอกภาคเกษตรกรรม(เช่น อุตสาหกรรม พาณิชยกรรมและบริการ) 27.48 ล้านคน น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในส่วนผู้ว่างงานเดือน พ.ย. 4.65 แสนคน ลดลง 9.5 หมื่นคนจากเดือน ต.ค. คิดเป็นอัตราการว่างงาน ร้อยละ 1.2 จาก ร้อยละ 1.4 ในเดือน ต.ค. และเมื่อพิจารณาเป็นรายภาคพบว่า เกือบทุกภาคมีจำนวน ผู้ว่างงานลดลง ยกเว้นภาคใต้เพิ่มขึ้น 3.3 หมื่นคน 

>> ​เตือน คน กทม. เฝ้าระวังฝุ่นพิษ PM2.5 ช่วงวันที่ 1-3 ก.พ.นี้ 

11.35 น. ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ รายงานผลการคาดการณ์ สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 28 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2566 

ในช่วงวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ 2566 พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ควรเฝ้าระวังการสะสมของฝุ่นละออง เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่ง และปิด โดยพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่พื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และใต้ ซึ่งเป็น (พื้นที่ท้ายลม) 

ทั้งนี้ ขอเตือนให้ ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีความจำเป็น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต้องระวังเป็นพิเศษ เช่น เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้มีโรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรใส่หน้ากากอนามัย N95 หรือหน้ากากอนามัยซ้อน 2 ชั้น เพื่อป้องกันฝุ่นจิ๋ว PM2.5 

>> ก.ยุติธรรม โชว์ ดูแลผู้ต้องขังดีเยี่ยม เล็งเดินหน้าตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ 4 ภาค 

12.00 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ว่าได้รายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ในระยะที่ 2 หลังในระยะแรกได้ผลักดันจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมทรัพย์สาคร ที่จังหวัดสมุทรสาคร เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ผู้ต้องขังมีงานทำ และมีอาชีพหลังพ้นโทษ ทำให้มีการศึกษาแนวทางจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เพื่อรองรับผู้ต้องขัง 4 ภาค โดยภาคเหนือ กำหนดไว้ที่จังหวัดลำพูน ภาคอีสาน จังหวัดนครราชสีมา และภาคใต้ จังหวัดสงขลา 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผลการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในเรื่องนี้ พบว่าเป็นโครงการที่คุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว เพราะไม่เป็นภาระภาครัฐ และไม่ก่อหนี้ให้เกิดผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลังของรัฐ เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ 1 แห่ง จะสามารถรองรับแรงงานได้ถึง 1 หมื่นคน แต่จะใช้รองรับแรงงานผู้ต้องขังแห่งละ 5,000 คน ที่เหลือให้เกิดการจ้างงานคนในพื้นที่ ซึ่งหากทำ 4 ภาค ก็จะรองรับแรงงานผู้ต้องขังได้ถึง 20,000 คน จะช่วยทำให้รัฐบาล ไม่ต้องเสียงบประมาณในการสร้างเรือนจำเพิ่ม เพราะเรือนจำ 1 แห่ง จะรองรับผู้ต้องขังได้ 2-3 พันคน โดยใช้งบประมาณสร้างแห่งละ 1,600 ล้านบาท ดังนั้น นิคมอุสาหกรรมราชทัณฑ์ จำนวน 4 แห่ง ก็จะช่วยให้ไม่ต้องสร้างเรือนจำเพิ่มถึง 7 แห่ง ประหยัดงบประมาณได้ถึง 11,200 ล้านบาท 

>> รถเก๋ง ชนรถจักรยาน หนุ่มนักปั่นเสียชีวิต 

12.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หลักสอง ได้รับแจ้งอุบัติเหตุ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลพุ่งชนรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต ในจุดเกิดเหตุ หน้าร้านขายอาหารสัตว์ ถนนคู่ขนาน แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 

ในที่เกิดเหตุ พบรถจักรยาน สีน้ำเงินสภาพถูกชนใกล้กันพบร่างชาย ไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 40-45 ปี ไม่ทราบชื่อ และไม่พบเอกสารใดๆติดตัว สภาพร่างกายแขนขาหัก ใกล้กันพบรถยนต์ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่น สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้ารถพัง และด้านท้ายรถ มีร่องรอยถูกชนท้ายยับเยิน โดยมีนายสมชาติ อายุ 66 ปี เป็นคนขับรถ นอกจากนี้ ยังพบรถยนต์ นิสสัน สีบรอนซ์-ทอง หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้ารถพังยับเยินเนื่องจากชนท้ายรถยนตร์มิตชูบิชิ ทราบชื่อคนขับ ชื่อ น.ส.ภคมณ อายุ 39 ปี โดยทั้งหมดยืนรอให้การกับพนักงานสอบสวน 

นายสมชาติ ได้เล่าว่า ระหว่างทางพบรถจักรยานคันดังกล่าวอยู่ๆ ก็ปั่นรถจักรยานข้ามมาจากเลนที่ 1 มาในช่องเลน 3 ทำให้ตนหยุดรถไม่ทันจึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวและรถยนต์นิสสันก็เข้ามาพุ่งชนท้ายซ้ำ 

ทั้งนี้พนักงานสอบสวน สน หลักสอง ได้เชิญตัวคนขับทั้งสองคนไปให้ปากคำที่สถานีเพิ่มเติมในส่วนร่างผู้เสียชีวิตอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้นำร่างส่งพิสูจน์ที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราชก่อนจะติดตามหาญาติมารับศพนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป 

>> ​4 หน่วยงาน ร่วมตั้งจุดตรวจสอบตรวจจับรถควันดำ ใน กทม.-ปริมณฑล 

12.20 น. นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่มีการตรวจวัดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองหลัก พบว่ามีค่าสูงขึ้น ซึ่งยานยนต์เป็นแหล่งกำเนิดที่สำคัญของฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซล ซึ่งตามแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการตรวจรถควันดำ ได้เพิ่มจุดตรวจเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบตรวจจับ ระงับการใช้รถควันดำจนกว่าจะนำไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อป้องปรามมิให้มีรถควันดำเข้ามาในเขตเมือง

รัฐจะเพิ่มความเข้มงวดเรื่องการตรวจจับควันดำ “ตรวจจับ ปรับจริง–ห้ามใช้รถควันดำ” บังคับใช้บทลงโทษสูงสุด ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ตั้งจุดตรวจสอบตรวจจับรถควันดำทุกประเภท ครอบคลุมถนนสายหลัก สายรอง ทั้งขาเข้า-ออก จำนวน 20 จุดต่อวัน ทั้งนี้จากสถานการณ์ฝุ่นละอองที่สูงขึ้น ต้องขอความร่วมมือเจ้าของยานพาหนะในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เพื่อลดมลพิษทางอากาศ เพื่อสุขภาพอนามัยของทุกคน 

>> รวบแก๊งโจรแสบ หลอกขาย จยย. นัดจ่ายเงินแต่ไม่ให้รถ เหลืออีก 2 เร่งไล่ล่า 

14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เข้าจับกุมแก๊งวัยรุ่นก่อเหตุ ลวงเหยื่อ นัดซื้อขาย จยย. แต่เมื่อมาถึง รับมอบเงินสดแล้ว กลับไม่ขาย ก่อนชักปืนบังคับ แล้วหลบหนี แต่ผู้เสียหายถ่ายคลิปไว้ได้ ก่อนเข้าแจ้งความ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังรวบตัวได้ทันที 2 ราย คือ นายประสงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี และนายศุภวิชญ์ (สงวนนามสกุล) 20 ปี อีก 2 คนหลบหนีได้ทัน โดยเหตุเกิดที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ถนนติวานนท์ ต.บ้านใหม่ จ.นนทบุรี ส่วนผู้เสียหายเป็นชาย อายุ 41 ปี 

โดยกลุ่มคนร้ายออกอุบายลวงผู้เสียหายว่า จะขายรถ จยย. ให้ในราคา 4.5 หมื่นบาท ตกลงคุยกันทางโลกออนไลน์ ก่อนนัดพบที่จุดเกิดเหตุ เมื่อมอบเงินกันแล้ว ปรากฏว่าทางกลุ่มคนร้ายได้ชักปืน พร้อมกับไม่ขายรถ หลบหนีไป แต่ทางผู้เสียหายได้ถ่ายคลิป ก่อนตะโกนขอความช่วยเหลือ จนมีพลเมืองดีแจ้งตำรวจรวบตัวไว้ได้ทัน 

>> ผบ.ตร. สั่งฟันวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญา 4 ตำรวจเอี่ยวนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน 

15.00 น. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ข้าราชการตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 จำนวน 2 นาย กองบังคับการตำรวจจราจรจำนวน 2 นาย อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยใช้รถส่วนตัวติดสัญญาณไฟวับวาบและเครื่องหมายโล่เขนนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิดอาญา และมีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจต่างสังกัดกันร่วมกันกระทำความผิด จึงได้มีคำสั่งที่ 68/2566 ลงวันที่ 27 ม.ค. 66 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง

ส่วนการดำเนินการทางอาญา ได้ส่งเรื่องให้สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินการแล้ว พร้อมทั้งให้ต้นสังกัดสั่งให้ตำรวจทั้ง 4 นาย ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการ โดยให้พ้นจากหน้าที่เดิม 

>> รัฐบาลตามติดราคาสินค้าควบคุม พาณิชย์เบรกขึ้นราคา “นมผงเด็กและปลากระป๋อง” 

15.28 น. นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อที่ประสบอยู่ทั่วโลก ทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศขยับตัวสูงขึ้นตาม ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปกำกับดูแลราคาอย่างเต็มที่ โดยได้ให้นโยบายและการดำเนินการใดให้ถือหลักทุกฝ่ายสามารถอยู่ได้ ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค ให้เกิดความสมดุล ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย 

และล่าสุดในเรื่องของราคานมผงเลี้ยงเด็กแรกเกิด ที่มีข่าวว่าจะปรับราคาเพิ่มขึ้น 10% และปลากระป๋องปรับขึ้นราคากระป๋องละ 2 บาทนั้น ทางกรมการค้าภาย กระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า สินค้าทั้ง 2 รายการ เป็นสินค้าควบคุมหากจะปรับราคาจะต้องยื่นขออนุญาตมายังกรมการค้าภายในเสียก่อน และทางกรมฯ ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้าตรึงราคาสินค้าในราคาเดิม เพื่อไม่ซ้ำเติมค่าครองชีพประชาชน และย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติให้สินค้าทั้ง 2 รายการปรับขึ้นราคาจากราคาเดิม ส่วนราคาที่ขยับขึ้นบ้างขณะนี้ อาจเป็นการขอปรับส่วนลดทางการค้าของผู้ผลิตให้น้อยลง ทำให้ราคาจำหน่ายในท้องตลาดสูงขึ้น 

ส่วนกรณีนมถั่วเหลืองจะปรับขึ้นราคากล่องละ 1-2 บาทนั้น เนื่องจากนมถั่วเหลืองเป็นสินค้าทางเลือก ไม่ใช่สินค้าควบคุมที่ต้องขออนุญาต แต่จะต้องกำหนดราคาให้สอดคล้องตามต้นทุนไม่ให้สูงเกินจริง ซึ่งกรมฯได้ประสานขอดูโครงสร้างต้นทุนว่าอัตราที่ปรับเหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนหรือไม่ 

>> พบร่างหนุ่มเมียนมาลอยน้ำติดตาข่ายดักปลา 

17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี รับแจ้งเหตุ พบผู้เสียชีวิตลอยน้ำ ติดตาข่ายดักปลา ภายในคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ หมู่ 9 ต.บางปลา จ.สมุทรปราการ

โดยที่เกิดเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมา นาย ออง ซัน อู อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา สภาพการแต่งกายด้วยชุดพนักงานโรงงานแห่งหนึ่ง คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน 

สอบสวนพยานเผยว่า มีการมาดักปลาที่คลองนี้ ตั้งแต่เช้า โดยได้วางตาขายไว้ พอถึงช่วงเย็น ก็มาดักเก็บ สิ่งที่ขึ้นมาพร้อมปลาเป็นร่างมนุษย์ จึงรีบแจ้งตำรวจทันที 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายอาจเมาสุรา แล้วพลัดตกน้ำและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จนทำให้เสียชีวิต ในส่วนที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสอบสวน 

>> รถเทรลเลอร์ เสียหลักกวาดรถยนต์เสียหายนับสิบคัน มีทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต 

19.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กลางดง รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถชนกันหลายคัน บนถนนมิตรภาพ ฝั่วขาเข้าสระบุรี ช่วงทางลงเนินกลางดง- มุ่งหน้า มวกเหล็ก หลัก กม.37-38 ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 

โดยที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุกเทรลเลอร์ รถกระบะ รถนั่งส่วนบุคคล ลักษณะเฉี่ยวชนกันได้รับความเสียหายกว่า 14 คัน รถหลายคันชนกันกระจัดกระจายเต็มการจราจรทั้ง 7 ช่องทาง เบื้องต้นจากการตรวจสอบ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย รถกู้ภัยนำตัวส่งผู้บาดเจ็บส่ง รพ.มวกเหล็ก และยังพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คน 

ร.ต.อ.ปรินทร ใหญ่จันทึก รอง สว.(สอบสวน) สภ.กลางดง กล่าวว่า วันนี้เป็นวันหยุดวันอาทิตย์ ประชาชนกำลังเดินทางกลับเข้าสระบุรีและกรุงเทพฯ จุดเกิดเหตุเป็นทางวิ่งลงเนินเขาลาดยาว และมีรถจำนวนมากและการจราจรมาก 

จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่า ก่อนเกิดเหตุ รถเทรลเลอร์ ทะเบียนหัวพ่วง สุราษฎร์ธานี ตัวท้ายพ่วง พระนครศรีอยุธยา ขับลงเนินเสียหลักชนท้ายรถข้างหน้าและกวาดลงเนินจนได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บสาหัส จึงควบคุมตัวผู้ขับขี่รถเทรลเลอร์ไปสอบสวนและตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย เนื่องจากมีอาการคล้ายคนมึนเมา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถเปิดการจราจรไปได้ 

>> จยย.ชนขอบทางบนสะพานกลับรถ ร่วงตกถนนด้านล่างถูกรถเก๋งชนซ้ำ เสียชีวิต 

21.15 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถาน นครราชสีมา ตรวจสอบอุบัติเหตุ ถนนมิตรภาพ ขาเข้า บริเวณสะพานกลับรถใกล้เคียง มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล นครราชสีมา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 

โดยที่เกิดเหตุ บนสะพานกลับรถดังกล่าว พบรถจักรยานยนต์ เวสป้า สีดำ ทะเบียน นครราชสีมา ลักษณะชนขอบสะพานกลับรถ แล้วผู้ขับขี่ร่างกระเด็นตกลงพื้นถนนด้านล่าง ก่อนที่จะถูกรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า ยารีส สีดำ ทะเบียน ชัยภูมิ ขับมาตามทางชนซ้ำ ทำให้เสียชีวิต ตรวจสอบเอกสาร ทราบชื่อต่อมา นาย ศราวุทธ อายุ 41 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา 

>> รถกระบะ ชนกัน มีผู้เสียชีวิต 

03.00 น. วันที่ 30 มกราคม 2566 รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดสระบุรี เกิดอุบัติเหตุ ถนนสุวรรณศร ในพื้นที่ ม.10ต.หนองสรวง อ.วิหารแดงจ.สระบุรี 

โดยที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน สระบุรี ชนกับรถกระบะ นิสสัน สีเขียว ทะเบียน ปราจีนบุรี ความรุนแรงทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน ทราบชื่อต่อมา นาย บุญเรียน อายุ 50 ปี พื้นที่ สภ.วิหารแดง 

>> สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก วันที่ 30 มกราคม 2566 เวลา 05.00 น. 

ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกจำนวน 674,812,291 ราย รักษาอาการดีขึ้น 646,942,342 ราย เเละเสียชีวิตสะสม 6,759,128 ราย 

1. ประเทศ สหรัฐอเมริกา ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 104,111,747 ราย เสียชีวิต 1,132,254 คน (เพิ่มขึ้น 18 คน) 

2. ประเทศ อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 44,682,639 ราย เสียชีวิต 530,740 คน (เพิ่มขึ้น 1 คน) 

3. ประเทศ ฝรั่งเศส ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 39,516,469 ราย เสียชีวิต 164,080 คน (ยังไม่อัปเดต) 

4. ประเทศ เยอรมนี ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 37,739,472 ราย เสียชีวิต 165,441 คน (ยังไม่อัปเดต) 

5. ประเทศ บราซิล ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 36,809,608 ราย เสียชีวิต 696,809 คน (เพิ่มขึ้น 24 คน) 


Share this:


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน