CONSENSUS: โบรกฯเชียร์”ซื้อ” BEM มองกำไรปี 66 จ่อทำนิวไฮหลังฟื้นต่อ-ได้สายสีส้มเป็นอัพไซด์ : อินโฟเควสท์

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

ข่าวหุ้น

โบรกเกอร์ต่างเชียร์ “ซื้อ” หุ้นบมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เนื่องจากมีมุมมองเชิงบวกต่อการ Reopening ที่ทำให้ปริมาณจราจรทางด่วนและจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดโควิด-19 รวมไปถึงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่กลับมาเปิดอีกครั้งก็จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการเช่นกัน

และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ประกาศ BEM เป็นผู้ชนะการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ครอบคลุมพื้นที่จราจรหนาแน่น จึงคาดจำนวนผู้โดยสารและกำไรจะแข็งแกร่งหลังเปิดให้บริการ

ส่วนในปี 66 จะเห็นการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง จากการเปิดใช้รถไฟฟ้าอีก 2 สาย คือสายสีเหลืองและสายสีชมพู ส่งต่อผู้โดยสารชานเมืองเข้าสู่กลางเมือง (สีเขียว-สีน้ำเงิน) และการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะกลับมาอีกครั้ง หนุนให้กำไรปี 66 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่

ราคาหุ้น BEM ปิดเช้าที่ 9.05 บาท ลดลง 0.05 บาท (-0.55%) ขณะที่ดัชนี SET ปิดลบ 0.39%

โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
บัวหลวง ซื้อ 13.50
เอเซียพลัส ซื้อ 12.00
หยวนต้า ซื้อ 11.30
โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 11.05
ทิสโก้ ซื้อ 10.10
ยูโอบี เคย์เฮียน ซื้อ 10.00
ฟิลลิป ซื้อ 9.90
ฟินันเซียไซรัส  ซื้อ 9.90

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ยังคงคำแนะนำซื้อหุ้น BEM เนื่องจากในภาพหลักมีมุมมองเชิงบวกต่อการ Reopening ที่ทำให้ Traffic ในเดือนสิงหาคมฟื้นตัวขึ้นมาต่อเนื่อง โดยมีปริมาณการใช้ทางด่วนอยู่ที่ 1.08 ล้านคัน/วัน เพิ่มขึ้น 82%YoY และ 4%MoM คิดเป็นสัดส่วน 86% เมื่อเทียบกับช่วง Pre-COVID-19 ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอยู่ที่ 0.32 ล้านคน/วัน เพิ่ม 413%YoY และ 17% MoM คิดเป็นสัดส่วน 98% เมื่อเทียบกับช่วง Pre-COVID-19 ก็ถือว่าใกล้เคียงที่จะเข้าสู่ภาวะปกติ

ส่วนแนวโน้มเดือนกันยายนคาดฟื้นตัวต่อเนื่องทั้ง YoY และ MoM โดย BEM รายงานปริมาณใช้ทางด่วน เดือนกันยายนเบื้องต้น (เฉพาะวันทำงาน) อยู่ที่ 1.15 ล้านเที่ยว/วัน เพิ่ม 3%MoM และปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเบื้องต้นอยู่ที่ 0.39 ล้านคน/วัน เพิ่ม 14%MoM พร้อมคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ฟื้นตัวเด่นที่ 700-800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากฐานต่ำปีก่อนที่ 108 ล้านบาท และไตรมาสก่อนหน้าที่ 634 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกของปี 65 คาดจะมีมีกำไรสุทธิ 1.7-1.8 พันล้านบาทเติบโตราว 180%YoY หนุนให้กำไรสุทธิปี 65 คาดอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท โต 129%YoY

และระยะสั้นมี Sentiment เชิงบวกจากการเป็นผู้ชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ การกลับมาเปิดให้บริการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์หนุนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินฟื้นแรงขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องหลังสถานการณ์โรคระบาด COVID- 19 คลี่คลาย และปี 66 มี Sentiment บวกจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูช่วยส่งต่อผู้โดยสารจากชานเมืองเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้ากลางเมือง (เขียวและน้ำเงิน)

ทางด้านบล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (MRTA) ประกาศ BEM เป็นผู้ชนะการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยของบอุดหนุนน้อยที่สุดเพียง 7.8 หมื่นล้านบาท (กลุ่มบริษัท ITD-Incheon Transit ขอที่ 1.03 แสนล้านบาท) ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีส้มจะประกอบด้วยสองส่วน ส่วนทางตะวันออก (17 กม. 17 สถานี จะเริ่มให้บริการในปี 68) โดยจะวิ่งตั้งแต่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ไปจนถึงมีนบุรี และทางฝั่งตะวันตก (13 กม. 11 สถานี จะเริ่มให้บริการในปี 70) จะวิ่งตั้งแต่ บางขุนนนท์ มาจนถึงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยโดยครอบคลุมพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น จึงคาดจำนวนผู้โดยสารและกำไรจะแข็งแกร่งหลังเปิดให้บริการ จึงปรับประมาณการกำไรระยะยาวขึ้น 5-40% และปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 10.20 บาทไปเป็น 13.50 บาท และคาดว่านักวิเคราะห์อื่น ๆ ก็จะปรับขึ้นเช่นกัน

ส่วนศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่กลับมาเปิดหลังจากปิดปรับปรุงมา 3 ปี โดยมีพื้นที่ถึง 3 แสนตร.ม. (จากเดิม 6.5 พันตร.ม. ในปี 62) ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับผู้คนได้ถึง 1 แสนรายต่อวัน โดยคาดว่าจำนวนผู้เยี่ยมชมศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ใหม่นี้อาจจะสูงถึง 13 ล้านรายต่อปี (เทียบ กับ 6 ล้านรายในช่วงก่อนปรับปรุง) ทั้งนี้อัตราการใช้พื้นที่มีแนวโน้มที่จะแตะระดับ 80% ได้ภายในไตรมาส 4/65 หนุนการเติบโตของจำนวนผู้โดยสาร MRT และเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานส่วนใหญ่ของธุรกิจขนส่งมวลชนนั้นเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ดังนั้นรายได้ที่เพิ่มมาส่วนใหญ่จะหมายถึงกำไรที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าคาดกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 66 แต่ราคาหุ้นของ BEM ในปัจจุบันยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด จึงแนะนำซื้อ

ด้านบล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ว่า การกลับมาเปิดศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา จะเป็นอีกปัจจัยหนุนยอดผู้ใช้รถไฟฟ้า โดยใน Q4/65 มีตารางการจัดงานที่ศูนย์สิริกิติ์ไม่น้อยกว่า 15 งาน ซึ่งมีงานใหญ่คือการประชุมเอเปคในวันที่ 18-19 พ.ย. 65 รวมไปถึงเป็น High Season ของการท่องเที่ยวซึ่งจะหนุนการเดินทางทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าเช่นกัน ทำให้ Q4/65 มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง หนุนกำไรสุทธิทั้งปี 65 คาดฟื้นตัวแรงและต่อเนื่องไปปี 66 โดยคาดกำไรสุทธิในปี 65 อยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท เทียบปีก่อนที่มีกำไร 1 พันล้านบาท

ส่วนในปี 66 จะเห็นการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง เพราะในปี 65 ยังมีผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงครึ่งปีแรก, การกลับมาเปิดเรียนและทำงานเป็นปกติ, นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น, ปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าอีก 1 บาทคือ สถานีที่ 6, 9, 11 และ 12, การเปิดใช้รถไฟฟ้าอีก 2 สาย คือสายสีเหลืองและสายสีชมพู และการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่กลับมาก่อสร้างทั้งที่พักอาศัยและโครงการขนาดใหญ่ที่จะเปิดในปี 66 ทางฝ่ายวิจัยจะปรับราคาพื้นฐานขึ้นเพื่อสะท้อนการประมูลสายสีส้ม ซึ่งน่ามีความชัดเจนในเรื่องประมาณการและผลตอบแทนที่ให้กับ รฟม. ในช่วงไตรมาส 4/65 ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 65 ที่ 9.90 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 65)

Tags: BEM, ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ, หุ้นไทย


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน