LPN เผย 9 เดือนแรกปี 65 ทำยอดขายรวม 6.8 พันล้านบาท เติบโต 8% โค้งสุดท้าย พร้อมเปิดตัว 4 โครงการใหม่ มูลค่า 5,400 ล้านบาท หวังดันยอดขายทั้งปีตามเป้าหมาย 13,000 ล้านบาท
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 65 ว่า บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ากว่า 5,400 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย 2 โครงการ มูลค่า 2,400 ล้านบาท ถึงแม้เศรษฐกิจยังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรืออาจถึงขั้นถดถอย (Recession) ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์วิกฤติซ้อนวิกฤติ ทั้งจากการแพร่ระบาดที่ยาวนานของโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) และสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงต่อเนื่อง ทำให้ระดับราคาพลังงาน ราคาสินค้า และอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
สำหรับยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 65 LPN ยังคงสามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายรวมถึง 6,800 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 64 แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายโครงการคอนโดมิเนียม 4,800 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของยอดขายรวม และโครงการบ้านพักอาศัย 2,000 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของยอดขายรวม สะท้อนถึงกำลังซื้อในตลาดที่ยังคงเติบโต และความเชื่อมั่นของลูกค้าในศักยภาพการพัฒนาโครงการ ทำให้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ได้ตามแผนที่วางไว้”
ทั้งนี้ ในปี 65 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 9 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท โครงการบ้านพักอาศัย 3 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดย ช่วง 9 เดือนแรกของปี 65 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่า 7,600 ล้านบาท บริษัทฯ มี Backlog (สินค้าที่ขายและรอโอน) มูลค่ารวม 2,100 ล้านบาท ที่พร้อมจะรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 4/65 ต่อเนื่องไปถึงปี 67 แบ่งเป็นส่วนของคอนโดมิเนียม 1,400 ล้านบาท และส่วนของบ้านพักอาศัย 700 ล้านบาท และมีสินค้าพร้อมขายทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านพักอาศัยมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างรายได้ต่อเนื่องถึงปี 68
ขณะที่แนวโน้มของตลาดอสังหา ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ถึงแม้สถานการณ์เศรษฐกิจจะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบทั้งจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกิน 5% โดยมีผลกระทบจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น การปรับเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำที่ 5-8% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างมีการขยับตัวเพิ่มขึ้นในสัดส่วนประมาณ 3-5% อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นแตะ 90% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ซึ่งอาจทำให้มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงประมาณ 30-40% ก็ตาม
แต่ความต้องการที่อยู่อาศัยในตลาดยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อสูง คิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 70% ของกำลังซื้อในตลาดโดยรวม ซึ่งนับเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำคัญของ LPN ที่จะขับเคลื่อนยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ตามแผนยุทธศาสตร์ Turnaround ในปี 65- 69 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวม 5 ปี ไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท
ลักษณะธุรกิจของ LPN
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งเน้น (Focus) การพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยภายในเมือง ในราคาที่สามารถครอบครองได้ (Affordable Price) สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ในระดับกลางถึงกลาง-ล่าง เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ด้วยการออกแบบและพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด LPN Design ซึ่งคำนึงถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์ (Product Value) การพัฒนาโครงการที่มีขนาดใหญ่เพื่อได้เปรียบในเรื่องของต้นทุน และยังคงสามารถควบคุมราคาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย (Economy of Scale) ประกอบกับกระบวนการในการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำที่เน้นความรวดเร็ว (Economy of Speed) และการสร้างความแตกต่างด้วยกลยุทธ์ “ชุมชนน่าอยู่” (Livable Community) ซึ่งเป็นคุณค่าด้านการบริการ (Services Value) ที่สามารถสร้างความประทับใจก่อให้เกิดความผูกพันต่อลูกค้าและผู้อยู่อาศัยใน “ชุมชนลุมพินี”