NOBLE แย้มตุน backlog 1.4 หมื่นลบ.ทยอยรับรู้ 2-3 ปี ลุยเปิดโครงการใหม่

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

  NOBLE คงเป้าปีนี้แผนเปิด 18 โครงการใหม่ มูลค่า 4.7 หมื่นล้านบาท พร้อมดันรายได้โตต่อเนื่อง จากตุน backlog ทะลุ 1.4 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ 2-3 ปี พร้อมปรับรูปแบบลงทุนในสหราชอาณาจักรเน้นซื้อเป็นยูนิต จากเดิมซื้อทั้งอาคาร

  นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ปิดเผยว่า บริษัทยังแผนเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้ที่ตั้งไว้จำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 47,700 ล้านบาท โดยการเปิดตัวโครงการทั้งหมดเป็นกระจายสินค้าให้หลากหลายคลอบคลุมทุกทิศของกรุงเทพฯ และสร้างรายได้เติบโตแตะ 15,000 ล้านบาท ในปี 66

  โดยช่วงไตรมาส 2/65 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 12,300 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ โนเบิล คิวเรท (Noble Curate) เป็นโครงการที่ดินระดับลักซ์ชัวรี่ 2. โครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน เฟส 1 (Nue Cross Khu Khot Station Phase 1) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise 3. โครงการ โนเบิล เคิร์ฟ (Noble Curve) เป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ 4. โครงการ โนเบิล ครีเอท (Noble Create) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ High Rise 5. โครงการ โคฟ -นอร์ธ ราชพฤกษ์ (Noble Cove – North Ratchapruek) เป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งบริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ โนเบิล คิวเรท (Noble Curate) และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน เฟส 1 ไปแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

  นอกจากนี้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 20,400 ล้านบาท

  ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/65 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,496 ล้านบาท ลดลง 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไม่มีโครงการใหม่ที่สร้างเสร็จพร้อมโอนเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/64

  มียอดขาย (Pre-sale) 6,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นการเติบโตที่ทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส (New Highs) อย่างไรก็ตามจากยอดขายที่เติบโตอย่างมากในช่วงไตรมาส 1/65 ส่งผลให้ยอดขายรอโอน (Backlog) ของบริษัทเพิ่มขึ้นทะลุกว่า 15,400 ล้านบาท จาก สิ้นปี 64 ที่อยู่ในระดับ 10,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้และ 2-3 ปีข้างหน้า

  สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้เริ่มมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยจะเห็นจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มกลับเข้ามาแข็งแกร่งขึ้นหลังจากสถานการณ์ของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าด้วยสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเร่งตัดสินใจเร็วขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 1/65 เติบโตอย่างต่อเนื่อง

  “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ลูกค้าจะเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและกลุ่มนักลงทุนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเร็วขึ้น โดยมีปัจจัยเร่งจากราคาของวัสดุก่อสร้าง มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าผู้ประกอบการน่าจะปรับราคาสินค้าขึ้นในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนที่สูงขึ้นจึงรีบตัดสินใจซื้อในช่วงนี้ ประกอบกับแนวโน้มที่จะมีการกลับมาเปิดประเทศ ซึ่งจะเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและรายได้ของคนในประเทศ อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่จะช่วยผลักดันกำลังซื้อ จากต่างชาติเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนที่ยังคงมีการสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”

  ส่วนของแผนการลงทุน ในสหราชอาณาจักร มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยมีความยืดหยุ่นในการเข้าลงทุนจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งอาคารเป็นแบบ Bulk ยูนิต หรือการซื้อเป็นจำนวนหลายๆห้อง (Bulk Deal) แทน เนื่องจากการซื้อเป็นยูนิตจะมีการแข่งขันที่น้อยกว่าการซื้อทั้งอาคารและรวดเร็วกว่า ซึ่งจะสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ได้ในระดับที่ 20% สอดคล้องกับธุรกิจหลักที่อยู่ในประเทศ โดยในปี 65 บริษัทฯได้วางเป้าหมายจะซื้อสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศอังกฤษ จำนวน 550 ยูนิต ภายใต้วงเงินลงทุน 100 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ซึ่ง NOBLE จะลงทุน 45% ตามสัดส่วน) โดยในไตรมาส1/2565 บริษัทฯได้มีการซื้อสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ไปแล้วจำนวน 84 ยูนิต

ลักษณะธุรกิจของ NOBLE

พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย รับจ้างก่อสร้าง ให้เช่าและให้บริการ


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน