workpointTODAY | What Works TODAY

ส่งหน้านี้ให้เพื่อน

เมื่อพูดถึง Deep Tech เราจะนึกภาพเป็นเทคโนโลยีประเภท IoT, Big Data, AI, ML, Cloud ,Blockchain ที่ใช้งานกันในวงปิด พัฒนากันในกลุ่มเล็กๆ และใช้กันในภาคอุตสาหกรรม องค์กร แต่ความจริงแล้ว เทคโนโลยีเชิงลึกพวกนี้ มาถึงมือคนทั่วไปมานานแล้ว 

ยกตัวอย่างเช่นการใช้งานแอปพลิเคชั่นทั่วไปอย่าง แอปแผนที่ การเล่นเกมและสตรีมเกมแรงๆ ก็ล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานมาจากเทคโนโลยีเชิงลึกอย่าง Big Data และ Cloud 

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ChatGPT ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์พัฒนาจาก Big Data ที่มีความรอบด้านและมีความรู้เชิงลึก ก็มาถึงมือทุกคนแล้วในวันนี้ 

ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่ Deep Tech จะเข้าสู่ Standard Tech นำมาผสมผสานให้ใช้งานได้จริงในมิติต่างๆ จับต้องได้ และเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ข้อคิดเห็นนี้มาจาก AIS NEXT หน่วยบ่มเพาะนวัตกรรมใหม่ของ AIS โดย AIS NEXT  ชี้ให้เห็นว่าปี 2023 จะเป็นช่วงเวลาที่เทคโนโลยีดิจิทัลแบบ Deep Tech จะเริ่มถูกปรับเข้ามาผสมผสานให้ใช้งานได้จริง โดยมีเป้าหมายปลายทางเพื่อสร้างความยั่งยืนแก่โลก

[ 5 เทรนด์การนำ Deep Tech ไปใช้ในปี 2023 ]

นายอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายขับเคลื่อนนวัตกรรม AIS กล่าวว่า “ปี 2022 ที่ผ่านมา เราเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ หลังจากที่เผชิญอยู่กับสถานการณ์โรคระบาดเป็นเวลากว่า 2 ปีเต็ม สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี รวมถึงมองเห็นประโยชน์ที่สามารถนำไปต่อยอดได้จริง 

จึงเป็นโอกาสในปี 2023 ที่จะเริ่มประยุกต์เทคโนโลยีที่เคยถูกกล่าวถึงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไปใช้ในกระบวนการทำงานต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรตั้งแต่ระดับกลยุทธ์ ไปจนถึง การปฏิบัติงาน เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย”

นายอราคิน มองว่ามี 5 เทรนด์ที่ต้องจับตามองในปี 2023 นี้คือ

  • จาก Deep Tech สู่ Standard Tech –  TOUCHABLE TECH COMPANY 

ที่ผ่านมาเทคโนโลยีเชิงลึกหลายอย่างเป็นเพียง concept  แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เนื่องจากมีความคุ้นเคยจากการทดลอง ตรวจสอบ ประกอบกับการมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นอย่าง 5G  ทำให้องค์กรสามารถจัดส่วนผสมของ Deep Tech ต่างๆ สู่ เทคโนโลยีมาตรฐานที่ประยุกต์ใช้ได้ง่าย เกิดประโยชน์ และจับต้องได้ง่ายขึ้น 

ยกตัวอย่างเช่น การนำเอา NFT (Non-Fungible Token) มาใช้ในธุรกิจที่เป็น Real Sector มากขึ้น อาทิ ตั๋วเข้าชมงาน และสิทธิ์ประโยชน์ในทรัพย์สินร่วมกัน เช่น คอนโดมิเนียม ซึ่งส่วนผสมของเทคโนโลยีเหล่านี้อาจจะมีผลทำให้เกิด Super App ที่นอกจากจะมี feature ที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังตรงใจกับผู้ใช้งานที่มีการร่วมชี้นำทิศทางการพัฒนาผ่านสิทธิ์ที่เขาถือร่วมกันบน NFT ของ Super App ได้ด้วย

  • จากย่านชุมชน สู่ ย่านนวัตกรรม  – COMMUNITY MINDSET AI 

ความคุ้นเคย และการเข้าถึงดิจิทัลเทคโนโลยีที่ง่ายขึ้น ทำให้ทรัพยากรหรือองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี ทั้ง Deep Tech และ Standard Tech ไม่ได้ถูกจำกัดวงอยู่กับองค์กรอีกต่อไป 

ในปีนี้เราจะเห็นองค์กรเข้ามาเป็นแกนในการขยายผลเทคโนโลยีไปยังภาคธุรกิจขนาดกลาง เล็ก กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs กลุ่ม Start Up จนเกิดเป็น Community ตามชุมชนที่อยู่อาศัยย่านต่างๆ ในรูปแบบของย่านนวัตกรรม นำไปสู่ศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนทรัพยากร กิจกรรม แนวคิด และพื้นที่ในการทดลองทดสอบ (Sandbox) ดิจิทัลโซลูชันใหม่ๆ เพื่อใช้แก้ปัญหาของชุมชน 

  • จุดตัดโลกจริงและโลกเสมือน เดิมพันด้วยคุณค่าที่ลูกค้าได้รับ – HALFWAY CONFUSING METAVERSE 

กระแสของ Metaverse ที่มาแรงในปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะ 5G  ที่ทำให้แบรนด์และองค์กรต่างๆ พยายามหาวิธีการนำ Metaverse  มาใช้เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงจุดขายของแบรนด์ที่ทันสมัยไม่ตกยุค จนอาจจะมองข้ามในเรื่องของคุณค่าที่ผู้บริโภคจะได้รับจากการทำเรื่อง Metaverse 

ในปีนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของการพัฒนาฟังก์ชันการทำงานของ Metaverse ให้ตอบโจทย์ในแง่ธุรกิจ และต้องสร้างประสบการณ์หรือคุณค่าที่แตกต่างให้กับผู้ใช้งานได้จริงด้วย

  • สังคมแห่งภูมิปัญญาดิจิทัล – DIGITAL IMMUNE WIT 

โลกดิจิทัลกลายเป็นถนนขนาดใหญ่ ที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้ ไม่ใช่ถนนลูกรังเหมือนเมื่อก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ มีทั้งคนที่ใช้ถนนเส้นทางนี้อย่างถูกต้อง ในขณะเดียวกันก็มีคนมุ่งหาประโยชน์เพื่อเป็นเครื่องมือหลอกลวง สร้างความเสียหาย ทำให้ประเด็นเรื่องอันตรายจากภัยไซเบอร์ ถูกยกระดับเป็นวาระโลก การสร้างภูมิคุ้มกันและการสร้างเครื่องมือป้องกันภัยไซเบอร์ จึงกลายเป็นนโยบายที่ถูกให้ความสำคัญในระดับต้นๆ อย่างชัดเจนในทุกองค์กร

  • จิตสำนึกคาร์บอนเครดิต – CARBON AWARE TECH 

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นวาระใหญ่ เครื่องมือทางด้านเทคโนโลยี จะเป็นหัวใจหลักในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เราจะเริ่มเห็นนวัตกรรม ที่ออกมารองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มองหาผลกระทบของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากวิถีชีวิต ที่สามารถคำนวณออกมาเป็นตัวเลข Carbon Credit เครื่องแสดงถึงความรับผิดชอบ การมีส่วนในการปลดปล่อยคาร์บอนให้กับโลก 

ซึ่งการมีดิจิทัลเทคโนโลยี จะช่วยทำให้ผู้คนเข้าใจระบบการจัดการและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนและเท่าเทียม


ส่งหน้านี้ให้เพื่อน