ดาต้าเบส
สดจากภาคสนาม สถิติบ้านและคอนโดมิเนียมไตรมาส 1/65
โดย “ดร.โสภณ พรโชคชัย” ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA สำรวจพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ณ ไตรมาส 1/65 (ดูตารางประกอบ)
- เจอจ่ายจบ เคลมท่วมแสนล้าน ถึงคิว สินมั่นคง ยื่นฟื้นฟูกิจการ
- ทุเรียนแสนล้าน ลุ้นระทึกพบโควิด จีนปิดด่าน ราคาสะวิงลงหนัก
- ผู้สูงอายุเฮ ครม.เพิ่มเบี้ยยังชีพ 700-1,250 บาท เป็นเวลา 6 เดือน
พบว่า 10 บริษัทพัฒนาที่ดินใหญ่ที่สุดประจำไตรมาสนี้มีจำนวนหน่วยรวมกัน 13,030 หน่วย สัดส่วน 57% ของภาพรวมทั้งหมด ในแง่มูลค่าโครงการรวมกันอยู่ที่ 48,297 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60%
แสดงให้เห็นว่าบิ๊กแบรนด์สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้มาก
โดยเฉพาะบริษัทอันดับหนึ่ง คือ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 14% ในแง่จำนวนหน่วย และ 15% ในแง่มูลค่า (หรือทุก ๆ 1 ใน 7 ส่วนของทั้งหมด)
ทั้งนี้ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เปิดตัวใหม่ 4 โครงการ จำนวน 3,223 หน่วย ถือเป็นอันดับหนึ่ง มีมูลค่าโครงการ 12,451 ล้านบาท เฉลี่ยขายหน่วยละ 3.863 ล้านบาท
สำหรับรองแชมป์ บมจ.แสนสิริ เปิดตัวใหม่ 5 โครงการ จำนวน 2,037 หน่วย มูลค่า 8,679 ล้านบาท เฉลี่ยราคา 4.261 ล้านบาท
อันดับ 3 บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย หรือ FPT เปิดตัวใหม่ 5 โครงการ รวม 1,074 หน่วย มูลค่าการพัฒนา 8,300 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 7.728 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทที่พัฒนาที่อยู่อาศัยในราคาสูงที่สุดในประเทศไทยประจำไตรมาสแรกนี้
อย่างไรก็ตาม ปี 2564 บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ก็เคยเป็นแชมป์ราคาสูงมาก่อนเช่นกัน
ส่วนบริษัทมหาชนที่พัฒนาสินค้าราคาถูก ได้แก่ บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่พัฒนาในราคาเฉลี่ย 1.658 ล้านบาท และ บมจ.แอสเซทไวส์ ที่พัฒนาในราคาเฉลี่ย 1.459 ล้านบาท
“ดร.โสภณ” ระบุว่า ในอนาคตบริษัทพัฒนาที่ดินในตลาดหลักทรัพย์ฯจะเติบโตยิ่ง ๆ ขึ้น เพราะต้นทุนทางการเงินถูกกว่าบริษัทนอกตลาดและมีชื่อเสียงที่ดีกว่า
ทำให้บริษัทพัฒนาที่ดินเล็ก ๆ หรือที่เป็น SMEs ในวงการคงแข่งขันได้ยากขึ้น
ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น
เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat